บทคัดย่อภาษาไทย

การวิจัยเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1. เพื่อศึกษาสภาพทั่วไปของการบริหารจัดการงาน สาธารณสงเคราะห์ของวัดพนัญเชิงวรวิหาร 2. เพื่อศึกษากระบวนการในการบริหารจัดการงานสาธารณสงเคราะห์ของวัดพนัญเชิงวรวิหาร ตามแนวพระดำริสมเด็จพระสังฆราช 3. เพื่อนำเสนอรูปแบบการบริหารจัดการที่เหมาะสมสำหรับงานสาธารณสงเคราะห์ของวัดพนัญเชิงวรวิหารตามแนวพระดำริสมเด็จพระสังฆราช

ระเบียบวิธีวิจัยเป็นการวิจัยแบบผสานวิธี ระหว่างการวิจัยเชิงปริมาณ เก็บข้อมูลจากแบบสอบถาม กลุ่มตัวอย่างคือประชาชนรอบวัดพนัญเชิงวรวิหารและเขตใกล้เคียงในอำเภอพระนครศรีอยุธยาที่ได้รับการสงเคราะห์จากวัดพนัญเชิงวรวิหารตามพระดำริสมเด็จพระสังฆราชจำนวน 202 คน โดยใช้วิธีการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที (t-test) และค่าเอฟ (F-test) และการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการเก็บข้อมูลจากแบบสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้ให้ข้อมูลสำคัญ 18 รูปหรือคน วิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหาเชิงพรรณนา

ผลการวิจัยพบว่า

                1. สภาพทั่วไปของการบริหารจัดการงานสาธารณสงเคราะห์ของวัดพนัญเชิงวรวิหารพบว่าประชาชนมีความคิดเห็นต่อสภาพทั่วไปของการบริหารจัดการงานสาธารณสงเคราะห์ของวัด พนัญเชิงวรวิหารตามแนวพระดำริสมเด็จพระสังฆราช ในโครงการตั้งโรงทานตามพระดำริ และโครงการสวนครัวนำสุข ด้วยวิถีพอเพียง โดยภาพรวม อยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.25 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.540 เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านแล้ว พบว่าอยู่ในระดับมากทั้งสองโครงการ คือ โครงการตั้งโรงทานตามพระดำริ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.35 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.532 โครงการสวนครัวนำสุข ด้วยวิถีพอเพียง มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.15 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.647

               2. กระบวนการในการบริหารจัดการงานสาธารณสงเคราะห์ของวัดพนัญเชิงวรวิหาร ตามแนวพระดำริสมเด็จพระสังฆราชพบว่าประชาชนมีความคิดเห็นต่อกระบวนการในการบริหารจัดการงานสาธารณสงเคราะห์ของวัดพนัญเชิงวรวิหารตามแนวพระดำริสมเด็จพระสังฆราช ในกระบวนการบริหารแบบ PDCA โดยภาพรวม อยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.37 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.471 เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านแล้ว พบว่าอยู่ในระดับมากในทุกด้าน ด้านการวางแผนจัดการสงเคราะห์ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.37 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.534 ด้านการดำเนินการ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.40 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.518 ด้านการตรวจสอบดำเนินการ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.30 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.546 และด้านการปรับปรุงการทำงาน มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.39 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.515

               3. รูปแบบการบริหารจัดการที่เหมาะสมสำหรับงานสาธารณสงเคราะห์ของวัดพนัญเชิงวรวิหารตามแนวพระดำริสมเด็จพระสังฆราชพบว่า มี 4 รูปแบบ ได้แก่ 1) ด้านการวางแผนจัดการสงเคราะห์ มีการวางแผนโครงการอย่างเป็นขั้นตอน มีการประชุมงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อวางแผนงานร่วมกัน 2) ด้านการดำเนินการ การช่วยเหลือตรงกับความต้องการของผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน กิจกรรมสาธารณสงเคราะห์ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย เป็นขั้นตอน ให้ความช่วยเหลือผู้เดือดร้อนได้รวดเร็ว มีการดำเนินการตามมาตรการป้องกันโรคระบาดอย่างมีมาตรฐาน 3) ด้านการตรวจสอบดำเนินการหลังจากการปฏิบัติงานแล้ว มีการพูดคุย ถึงปัญหา และอุปสรรค เพื่อการแก้ไขในการปฏิบัติงานต่อไป เมื่อพบจุดบกพร่องแล้วรีบดำเนินการหาแนวทางการแก้ไขโดยทันที 4) ด้านการปรับปรุงการทำงานมีการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างตรงปัญหาที่เกิดขึ้นการแก้ปัญหาเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

บทคัดย่อภาษาอังกฤษ

The objectives of this research are: 1. to study general conditions for public welfare management of Wat Phanan Choeng Worawihan, 2. to study the procedure of public welfare management of Wat Phanan Choeng Worawihan, and 3. to present a suitable management model for the public welfare work of Wat Phanan Choeng Worawihan according to the initiative of the Supreme Patriarch.

The research methodology is the mixed methods which the quantitative research by survey from questionnaires of the 202 people as the samples group of the beneficiary around Wat Phanan Choeng Worawihan and nearby Phra Nakhon Sri Ayutthaya District by using the cluster random sampling.  The data were analyzed through frequency, percentage, mean, standard deviation, T-test, and F-test. The qualitative research by in-depth interviews with 18 key informants. The data analysis was the descriptive content analysis.

 The findings of research were found as following:

                  1. The sampling group of people had the opinions to Public welfare management of Wat Phanan Choeng Worawihan, in over all, was at the high level  (x bar = 4.25, S.D.= 0.540). When considering each topic: Project setting up almshouse  (x bar = 4.35, S.D.= 0.532), Project backyard garden(x bar = 4.15, S.D.=0.647), we found that both of them were at high level.

2. The sampling group of people had the opinions to study the procedure of Public welfare management of Wat Phanan Choeng Worawihan, in over all, was at the high level ( x bar = 4.37, S.D.= 0.471). When considering each topic: Planning ( x bar = 4.37, S.D.= 0.534), Doing ( = 4.40, S.D.= 0.518),Checking (x bar = 4.30, S.D.= 0.546), and Action (x bar  = 4.39, S.D.= 0.515), we found that all of topics were at high level.

3. A suitable management model have four models which are as follows: 1) Planning: the project is planned in a step-by-step manner. There are the meetings with relevant departments to plan the project together. 2) Doing: the help can meet the needs. Public welfare activities were done in a neat and in a step-by-step manner to help those in need quickly under the standardized measures to prevent epidemics. 3) Checking: After the activities, problems and obstacles were discussed in order to be solved in the next activity. When a problem is found, then immediately solve that problem. 4) Action: work improvement. There is a solution to solve the problem that arises exactly the problem. The solution came quickly.Suggestions for Public welfare management of Wat Phanan Choeng Worawihan according to the initiative of the Supreme Patriarch are as follows: 1) should publicize the project more. 2) should prepare the special zone for the beneficiary who get sick and are the elderly. 3) should increase the number of staff who help the beneficiary to carry the stuff. 4) should invite other private sectors to cooperate the project.

รายการไฟล์