บทคัดย่อภาษาไทย

   การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อศึกษาการบริหารงานตามหลักพรหมวิหารธรรมของผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตําบล ในอําเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ 2) เพื่อเปรียบเทียบความคิดเห็นของบุคลากรที่มีต่อการบริหารงานตามหลักพรหมวิหารธรรมของผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตํา บล ในอําเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ โดยจําแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล 3) เพื่อศึกษาปัญหา อุปสรรคและข้อเสนอแนะต่อการบริหารงานตามหลักพรหมวิหารธรรมของผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตําบล ในอําเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ

   การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบผสานวิธีซึ่งประกอบด้วยการวิจัยเชิงปริมาณ ใช้สํารวจกลุ่มตัว อย่างที่ใช้ในการวิจัยคือ บุคลากรในองค์การบริหารส่วนตําบล ในอําเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปรา การ จํานวน 140 คน จากจํานวนบุคลากรทั้งหมด 220 คน ซึ่งใช้วิธีสุ่มกลุ่มตัวอย่าง โดยการใช้สูตรตารางของเครจซี่และมอร์แกน (Krejcie and Morgan) และวิเคราะห์ข้อมูลโดยเครื่องมือที่ใช้ในการรวบ รวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสําเร็จรูป เพื่อการวิจัยทางสังคมศาสตร์สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปของประชากร คือ ค่าความถี่ค่าร้อยละสถิติที่ใช้วิเคราะห์ ระดับความคิดเห็นต่อการบริหารงานตามหลักพรหมวิหารธรรมของผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตําบล ในอําเภอพระ ประแดง จังหวัดสมุทรปราการ คือ ค่าความถี่ ร้อยละค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมติฐานโดยเพื่อบรรยายข้อมูลปัจจัยส่วนบุคคล การทดสอบค่าที เพื่อทดสอบความแตกต่างระหว่างค่าเฉลี่ยสองกลุ่ม และการทดสอบค่าเอฟ ด้วยวิธีการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว เพื่อทดสอบความแตกต่างระหว่างค่าเฉลี่ยตั้งแต่สามกลุ่มขึ้นไป และทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยเป็นรายคู่ด้วยวิธีผลต่างนัยสําคัญน้อยที่สุด และการวิจัยเชิงคุณภาพด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้ให้ข้อมูลหลักจํานวน 7 รูป หรือคละใช้เทคนิคการวิเคราะห์เนื้อหาประกอบบริบท

   ผลการวิจัยพบว่า

   บุคลากรมีความคิดเห็นต่อองค์การบริหารงานตามหลักพรหมวิหารธรรมของผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตําบล ในอําเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (X̅ = 3.78) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า บุคลากรมีความคิดเห็นต่อการบริหารงานตามหลักพรหมวิหาธรรมของผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตําบล ในอําเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ อยู่ในระดับมากทุกด้านมี ค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อยตามลําดับ คือ ด้านการวางแผนด้านการจัดองค์การด้านการบังคับบัญชา ด้านการควบคุมและด้านการประสานงาน

   1) ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นของบุคลากรต่อการบริหารงานตามหลักพรหมวิหารธรรมของผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตําบล ในอําเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ โดยจําแนกตามสถานภาพส่วนบุคคล คือ เพศ อายุ ระดับการศึกษา รายได้ต่อเดือน และประสบการณ์ทํางาน พบว่า บุคลากรที่มีเพศ อายุ ระดับการศึกษา รายได้ต่อเดือน และประสบการณ์ทํางานมีความคิดเห็นไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 จึงปฏิเสธสมมติฐานการวิจัย

  2) ปัญหาและอุปสรรคต่อการบริหารงานตามหลักพรหมวิหารธรรมของผู้บริหารองค์การบริหาร ส่วนตําบล ในอําเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปรากการ พบว่า ผู้บริหารและประชาชนไม่มีความรู้ความ เข้าใจเรื่องแผนขาดการศึกษาข้อมูลก่อนจัดทําแผนระบบการจัดการในองค์กรไม่ชัดเจน สถานที่ทําการเล็กไม่สามารถรับบุคลากรเพิ่มให้เพียงพอต่อปริมาณงานที่เยอะกว่าบุคลากร ผู้บริหารมอบหมาย งานไม่ตรงตามความสามารถของบุคลากร ผู้ใต้บังคับบัญชาอายุมากกว่าบุคลากรขาดความรู้ความสามารถไม่ตรงกับสายงาน สั่งงานไม่ชัดเจน ผู้บริหารบางท่านไม่ตระหนักและให้ความสําคัญในกระ บวนการบริหารความเสี่ยงและการควบคุมภายในผู้บริหารหรือเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องไม่เห็นความ จําเป็นของการบริหารความเสี่ยงและการควบคุมภายใน

   3) ข้อเสนอแนะต่อการบริหารงานตามหลักพรหมวิหารธรรมของผู้บริหารองค์การบริหารส่วน ตําบล ในอําเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ พบว่าให้ความรู้และเอาใจใส่เรื่องการวางแผนศึกษา ข้อมูลให้ชัดเจนก่อนการวางแผนงานแบ่งงานการจัดการในองค์การให้ชัดเจนสร้างที่ทําการใหม่ให้มีพื้นที่เพียงพอในการรับบุคลากรเข้ามาทํางานเพิ่มผู้บริหารควรมอบหมายงานให้ตรงตามความสามารถ โดยไม่เลือกปฏิบัติรู้จักการถ้อยทีถ้อยอาศัยให้เกียรติซึ่งกันและกันจัดให้มีการอบรมสั่งงานให้ชัดเจน และเป็นลายลักษณ์อักษร ผู้บริหารควรกําหนดหรือทบทวนนโยบายการบริหารความเสี่ยงและการควบ คุมภายในวัตถุประสงค์การบริหารความเสี่ยงและการควบคุมภายในควรพิจารณากําหนดแนวทาง หรือวิธีการและช่องทางการสื่อสารและเผยแพร่การบริหารความเสี่ยงและการควบคุมภายในให้มากขึ้น

บทคัดย่อภาษาอังกฤษ

               The objective of this research were 1) to study the Administration According to Bramma vihāradhamma of Executives of Sub-District Administrative Organization in Phrapradaeng District, Samut Prakarn Province. 2) to compare the Administration According to Brammavihāradhamma of Executives of Sub-District Administrative Organization in Phrapradaeng District, Samut Prakarn Provinceby classify into the personal variables. 3) to study about the problem obstacle and recommendation the Administration According to Brammavihāradhamma of Executives of Sub-District Administrative Organization in Phrapradaeng District, Samut Prakarn Province.

               This research is mixed method by consisting of quantitative research by survey the 140 samplesfrom the 220-personnel in sub-district Administration According to Brammavihāradhamma of Executives of Sub-District Administrative Organization in Phrapradaeng District, Samut Prakarn Provinceby taking the random using Krejcie and Morgan and analyzed the data by using ready computer programme for social science research. The statistical analyses with the Frequencies, the Means, and the Standard Deviation. The describing and testing hypotheses of personal factors were t-test in order to test the differences between two average groups and F-test by using one way ANOVA to test the differences of the average pairing with the Least Significant Difference: LSD, and the qualitative research by In –Depth Interview with the 7-key informants and engaging content analysis context.

               The Findings of the research were found that The personnel has comment in the Admini stration According to Brammavihāradhamma of Executives of Sub-District Administrative Organization in Phrapradaeng District, Samut Prakarn Province in overall is in maximum level (X̅= 3.78). When we consider in each field, we found that The personnel has comment in the Admini stration According to Brammavihāradhamma of Executives of Sub-District Administrative Organization in Phrapradaeng District, Samut Prakarn Provincein every field is in maximumlevel, that are Planning,Management,Command,Control, and ordination.

               1. The comparison result in the Administration According to Brammavihāradhamma of Executives of Sub-District Administrative Organization in Phrapradaeng District, Samut Prakarn Province by classify into personal variables that are sex, age, educational level, salary and work experience was not much difference that has signicant in statistics is 0.05, so we disapprove the hypothesis.

               2.Problem and obstacles of the Administration According to Brammavihāradhamma of Executives of Sub-District Administrative Organization in Phrapradaeng District, Samut Prakarn Province, we found that the executive administrator and people did not have knowledge about plan, did not study before making the plan, the management in the organization was not clear, the place was not suitable for the increasing the personnel so that the number of personnel were not enough for the tons of work load, the executive assign the work that was not suitable for the ability of the personnel, the command was not clear, some executive and personnel did not recognize aboutthe important of enterprise risk management and internal control.

               3.The suggestion of the Administration According to Brammavihāradhamma of Executives  of Sub-District Administrative Organization in Phrapradaeng District, Samut Prakarn Province, we found that to give the knowledge and take the interest about planning, to study about the problem before planning, to divide the work load clearly, to build the new workplace that bigger enough to recruit the new staff, the executive should assign the suitable work to the ability of the personnel, respect each other, executive should order in the document clearly, and executive should specify and review the administrative management policy about the enterprise risk management and internal control, the objectives and consider the way to communicate, advertise and publicize the enterprise risk management and internal control.

รายการไฟล์