การวิจัยฉบับนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1. เพื่อศึกษาการบริหารจัดการศาสนสมบัติของวัด อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี  2. เพื่อศึกษาเปรียบเทียบความคิดเห็นผู้บริหารที่มีต่อการบริหารจัดการศาสนสมบัติของวัด อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี จำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล 3. เพื่อศึกษาปัญหาอุปสรรค และข้อเสนอแนะต่อการบริหารจัดการศาสนสมบัติของวัด อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี

                 ระเบียบวิธีวิจัยเป็นการวิจัยแบบผสานวิธี โดยการวิจัยเชิงปริมาณกำหนดกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้บริหารในพื้นที่ อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี ในระดับตำแหน่ง ผู้บริหาร จำนวน 162 รูป/คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถาม โดยมีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ 0.968 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว  การทดสอบค่าเอฟ  ส่วนการวิจัยเชิงคุณภาพ  กำหนดผู้ให้ข้อมูลหลัก 7 รูป/คน เลือกแบบเจาะจง จากผู้ทรงคุณวุฒิ  เครื่องมือในการเก็บข้อมูล ได้แก่ แบบสัมภาษณ์เชิงลึกที่มีโครง สร้าง เก็บข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึกตัวต่อตัว วิเคราะห์ข้อมูลด้วยวิธีการพรรณนาความ

ผลการวิจัยพบว่า                                                                                                                                                 
                 1. การบริหารจัดการศาสนสมบัติของวัด อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี โดยภาพรวมมีการ บริหารจัดการอยู่ในระดับมาก (X̅ =3.98,S.D.= 0.594) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านก็บว่า มีการบริหารจัดการอยู่ในระดับมากทุกด้านเรียงลำดับค่าเฉลี่ยดังนี้ 1) ด้านการจัดองค์กร (Organizing) (X̅ = 4.11, S.D.= 0.757)  2) ด้านการจัดคน (Staffing) (X̅ =3.98,S.D.= 0.736) 3) ด้านการวางแผน (Plan) (X̅ = 3.96,S.D.= 0.658) 4) ด้านการอำนวยการ (Directing) (X̅ = 3.94,S.D.= 0.656) และ 5) ด้านการควบคุมดูแล (Controlling) (X̅ =3.90,S.D.= 0.634)

                 2. ผลการเปรียบเทียบการบริหารจัดการศาสนสมบัติของวัด อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี จำแนกตามตำแหน่งการบริหารวัด อายุ ระยะเวลาในการเป็นผู้บริหารของวัดและระดับการศึกษา โดยการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว โดยภาพรวม พบว่า มีการบริหารจัดการในการปฏิบัติงานไม่แตกต่างกัน จึงปฏิเสธสมมติฐานการวิจัย

                 3. ปัญหา อุปสรรค ในการบริหารจัดการศาสนสมบัติของวัด อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี พบว่า พระสงฆ์ที่เป็นผู้บริหารในอำเภอหนองแคส่วนใหญ่มีอายุ และพรรษามาก ไม่รู้การจัดทำบัญชีศาสนสมบัติ และบัญชีต่าง ๆ ยังขาดบุคลากรที่มีความสามารถในการจัดทำบัญชีต่าง ๆ  ข้อเสนอแนะพบว่า คณะสงฆ์ต้องเตรียมการเพื่อเสียภาษีเงินได้ของวัดในอนาคต เนื่องจากหลายพื้นที่ในจังหวัดสระบุรีวัดเป็นแหล่งท่องเที่ยว มีพุทธศาสนิกชนมาเยี่ยมชมและมีการทำบุญบริจาคปัจจัยเป็นจำนวนพอสมควร หากในอนาคตภาครัฐมีนโยบายเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีวัดก็ควรมีการเตรียมความพร้อม

                 The objectives of this research were : 1) to study the religious property management of temples in Nongkae district, Saraburi province,  2. To study the opinions comparison of the Sangha administrators towards religious property management of temples in Nongkae district, Saraburi province, 3. To study problems, obstacles and suggestions on the religious property management of temples in Nongkae district, Saraburi province.

                 The research methodology was the mixed methods research by quantitative research with the sample group as the 162 Sangha administrators in the area of Nongkae district, Saraburi province. The tool for data collection was the questionnaires that had the reliability test at 0.968. The statistics for data analysis are frequency, percentage, mean, standard deviation, with one-way analysis of variance, t-test and F-test. and qualitative research determined the 8 key informants  by purposive selection from academicians. The tool for data collection was in-depth interviews by structured pattern and individual depth interview and using the descriptive content analysis.

The findings of research were as follows :
                1. The religious property management of temples in Nongkae district, Saraburi province. The overall was at a high level (X̅ = 3.98, SD = 0.594) and when considered in each aspect, it  found that it is at a high level in all aspects as following, 1) organizing aspect (X̅ = 4.11, S.D.= 0.757), 2) staffing aspect (X̅ = 3.98, SD = 0.736), 3) planning aspect (x̅ = 3.96, SD = 0.658), 4) directing aspect(X̅ = 3.94,S.D.= 0.656, 5) controlling aspect (X̅ = 3.90,S.D.= 0.634).

                 2. The findings of the comparison of property management of temples in Nongkae district, Saraburi province , classified by position of temple management, age, period of time for temple management and level of education by one-way analysis of variance in overall, found that had the operation management indifferently. It rejected the research hypothesis.

                 3. Problems and obstacles to religious property management of temples in Nongkae district, Saraburi province, found that the monks who are the Sangha administrators in  Nongkae district, Saraburi province as the elderly and long time ordination years , they do not know the religious property account management and other accounts still lack of able personnel to manage the accountancy. The suggestions , the Sangha should prepare for temple tax payment in the future due to many areas of Saraburi province are the tourist places and have many Buddhists come to visit and make the merit by money donation. If the government has the temple tax payment policy in the future and the temple should be ready for it.