บทคัดย่อภาษาไทย

การวิจัยฉบับนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาภาวะผู้นําของพระสังฆาธิการจังหวัดอุทัยธานี ตามหลักสัปปุริสธรรม 7 (2) เพื่อเปรียบเทียบภาวะผู้นําของพระสังฆาธิการจังหวัดอุทัยธาน ตามหลักสัปปุริสธรรม 7 โดยจําแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล (3) เพื่อเสนอแนะแนว ทางการเป็นผู้นําตามหลักสัปปุริสธรรม 7

งานวิจัยนี้เป็นงานวิจัยเชิงสํารวจ (Survey Research) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ พระสังฆาธิการในจังหวัดอุทัยธานี จํานวน 170 รูป ซึ่งใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย (Simple Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถาม มีลักษณะเป็นแบบตรวจสอบรายการและมาตราส่วนประเมินค่า 5 ระดับและแบบสอบถามปลายเปิด ซึ่งผู้วิจัยสร้างขึ้นเอง โดยมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ .9784 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสําเร็จรูปเพื่อการวิจัยทางสังคมศาสตร์ สถิติที่ใช้ ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเปรียบเทียบโดยการทดสอบสมมติฐานโดยการทดสอบค่าที (t-test) และค่าเอฟ (F-test) การ วิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว(One-way ANOVA) และทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ย เป็นรายคู่ด้วยวิธีผลต่างนัยสําคัญน้อยที่สุด (Least Significant Difference : LSD)

ผลการศึกษาวิจัย

ภาวะผู้นําของพระสังฆาธิการจังหวัดอุทัยธานตามหลักสัปปุริสธรรมโดยรวมอยู่ในระดับมาก และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้านโดยเรียงจากมากไปหาน้อยตามค่าเฉลี่ย สรุปได้คือ ด้านปริสัญญตา ด้านอัตตัญญตา ด้านอัตถัญญตา ด้านบุคคลปโรปรัญญตา ด้านธัมมัญญตา ด้านมัตตัญญตา และด้านกาลัญญตา

การเปรียบเทียบภาวะผู้นําของพระสังฆาธิการจังหวัดอุทัยธานี ตามหลักสัปปุริสธรรม โดยรวมปฏิเสธสมมติฐานที่ตั้งไว้ทั้งหมด กล่าวคือ พรรษา ตําแหน่ง การศึกษานักธรรม การศึกษาบาลี ประสบการณ์การปฏิบัติงาน

แนวทางในการพัฒนาภาวะผู้นําตามหลักสัปปุริสธรรมของพระสังฆาธิการจังหวัดอุทัยธานี คือ พระสังฆาธิการควรนําหลักสัปปุริสธรรมทั้ง 7 มาประยุกต์ใช้ในการบริหารกิจการ คณะสงฆ์ และส่งเสริมให้มีการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม จะทําให้การบริหารกิจการคณะสงฆ์จังหวัด อุทัยธานี เกิดเอกภาพและประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

บทคัดย่อภาษาอังกฤษ

The purposes of this research are: 1) to study leadership applying the seven Sappurisadhammas of Buddhist ecclesiastical monks in Uthaithani Province, 2) to compare leadership applying the seven Sappurisadhammas of Buddhist ecclesiastical monks in Uthaithani Province, classified by different factors and 3) to suggest ways to be the leader applying the seven Sappurisadhammas.

The researcher is the survey research. The samples were 170 Buddhist ecclesiastical monks in Uthaithani Province with the simple random sampling. The tool of the research was questionnaire with 5 levels of evaluation and open ended questions. The questionnaire has 0.9784 of reliability. The data analysis used program for Social Science research. The statistics for the data analysis were frequency, percentage, mean, standard deviation, t-test, F-test, One-way ANOVA and Least Significant Difference: LSD.

The results of the research were:

1. On the whole, the leadership applying the seven Sappurisadhammas of Buddhist ecclesiastical monks in Uthaithani Province was in high level. After considering each aspect from high to low level of mean, the results were as follows: Parisannuta, Attannuta, Atthannuta, Puggalannuta, Dhammannuta, Mattannuta and Kalannuta.

2. The comparison of the leadership applying the seven Sappurisadhammas of Buddhist ecclesiastical monks in Uthaithani Province, classified by year of ordaination, position, Dhamma education, Pali educationa and work experience was found that the leadership of Buddhist ecclesiastical monks who had different factors but their opinions towards the leadership were not different, so the assumption was denied.

3. The ways to develop the leadership applying the seven Sappurisadhammas of Buddhist ecclesiastical monks in Uthaithani Province were that all Buddhist ecclesiastical monks should apply the seven Sappurisadhammas in the Sangha administration and support them to perform in the concrete. It can develop the Sangha administration to have more unity and more efficiency.

รายการไฟล์