บทคัดย่อภาษาไทย

          งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. เพื่อศึกษาคุณลักษณะของยุววิศวกรสันติภาพในสถานศึกษา 2. เพื่อศึกษากระบวนการพัฒนายุววิศวกรสันติภาพในสถานศึกษา 3. เพื่อนำเสนอกระบวนการพัฒนายุววิศวกรสันติภาพในสถานศึกษา ใช้รูปแบบการวิจัยแบบผสมผสาน (Mixed Method Research Design) ซึ่งประกอบด้วยการวิจัยเชิงคุณภาพ และ การวิจัยเชิงปริมาณ โดยนำไปทดลองด้วยการฝึกอบรมกับนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่เป็นนักเรียนแกนนำ จำนวน 20 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ชุดฝึกอบรมกระบวนการพัฒนยุววิศวกรสันติภาพในสถานศึกษา แบบประเมินผลการเรียนรู้ของยุววิศวกรสันติภาพ แบบบันทึกประจำวัน และทำการวิเคราะห์ผลด้วยข้อมูลเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ เชิงปริมาณวิเคราะห์ข้อมูลด้วยผลการทดสอบก่อนการทดลองและหลังการทดลองโดยสถิติวิเคราะห์ One-Way ANOVA: t-test, p-value

    ผลการศึกษาพบว่า

1) คุณลักษณะของวิศวกรสันติภาพในสถานศึกษา ประกอบด้วย 2 ส่วนคือ คุณสมบัติภายใน/ภายนอกและการมีเป้าหมายอุดมการณ์  ประการแรกในส่วนคุณสมบัติภายใน/ภายนอกได้แก่ (1) การมีสันติภายใน (2) มีความเข้มแข็งทางจิตวิญญาณและพึ่งพาตนเองได้  (3) มีจิตเมตตา ไม่ปรารถนาทำร้ายผู้อื่น (4) มีความเคารพรักในตนเองและผู้อื่น  (5) การเป็นนักสื่อสารที่ดีพร้อมรับฟังด้วยหัวใจที่เปิดกว้างและจำนรรจาด้วยปัญญา (6) เป็นนักประนีประนอม (7) มีความรู้ด้านการจัดการความขัดแย้งและนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ และประการที่สองในเรื่องการมีเป้าหมายอุดมการณ์ ได้แก่ (1) การเห็นคุณค่าและเชื่อมั่นในสันติวิธีว่าเป็นวิถีทางก้าวข้ามความขัดแย้ง (2) สร้างประโยชน์ให้กับตนเองและผู้อื่น และ (3) การอุทิศตน เสียสละ เป็นผู้ให้และเป็นนักแบ่งปัน 

2) การสร้างกระบวนการพัฒนายุววิศวกรสันติภาพในสถานศึกษา  ผู้วิจัยได้นำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ได้แก่ อริยสัจ 4 กระบวนการคิดและเข้าใจอย่างถูกต้องตามหลักโยนิโสมนสิการ หลักไตรสิกขา บูรณาการกับแนวคิดทฤษฎีทางตะวันตกในเรื่องของการพัฒนาเด็กและเยาวชนที่มีความสอดคล้องกัน  โดยมีหลักการพื้นฐานสำคัญ คือ (1) การยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้  (Learner Centered) (2) ผู้สอนมีบทบาทเป็นผู้จัดการเรียนรู้ (Learning Facilitator) (3) การเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม (Participatory Learning) และ (4) การสร้างสภาพแวดล้อมที่ผ่อนคลาย เป็นกันเองโดยผู้สอนเป็นกัลยาณมิตรพร้อมให้ความช่วยเหลือ แนะนำและให้คำปรึกษา 

 ชุดฝึกอบรมกระบวนการพัฒนายุววิศวกรสันติภาพในสถานศึกษา สร้างขึ้นด้วยหลัก K A M P เพื่อให้ผู้เข้าอบรมเกิดการเรียนรู้ (Knowledge) มีทัศนคติและแนวคิดที่ถูกต้อง (Attitude) มีแรงบันดาลใจในการอุทิศตนเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ (Motivation) และมีทักษะในการนำกระบวนการพุทธสันติวิธี (Practices) ไปแก้ปัญหาความขัดแย้งและเสริมสร้างสันติสุข ด้านของเนื้อหาในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ประกอบด้วย (1) การเรียนรู้และตระหนักถึงคุณค่าของมนุษย์ (2) ความขัดแย้งและผลกระทบ (3) การเสริมสร้างสติ  (4) พุทธสันติวิธีในการแก้ไขความขัดแย้งและเสริมสร้างสันติสุข และ (5) กระบวนการสานเสวนา  ด้านของกิจกรรมที่นำมาใช้ในการฝึกอบรม  ได้แก่  เกมนันทนาการ (Recreational Games) บทบาทสมมุติ (Role Playing) เรื่องเล่า (Story telling) หรือกรณีศึกษา (Case Study) การฝึกเจริญสติ (Satipattana) การอภิปราย (Discussion) ค้นหาแก่นธรรมจากการชมภาพยนตร์ ธรรมะในเสียงเพลง (Dhamma in the movies and music) รวมทั้งสิ้น 10 กิจกรรม รวมทั้งการมอบหมายให้นักเรียนกลุ่มทดลองจดบันทึกประจำวัน นอกจากนี้ยังมีการติดตามหลังอบรมพร้อมฝึกทักษะการสานเสวนาและการสำรวจชุมชน จำนวน 6 สัปดาห์       

๓) ผลกระบวนการพัฒนายุววิศวกรสันติภาพในสถานศึกษาจากการฝึกอบรม พบว่า คะแนนเฉลี่ยรวมผลการพัฒนายุววิศวกรสันติภาพในสถานศึกษา ก่อนและหลังการทดลองแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05  นักเรียนที่เข้าอบรมมีความตั้งใจในการเรียนรู้ เห็นคุณค่าของความเป็นมนุษย์ มีทัศนคติที่ถูกต้องต่อความขัดแย้งที่เกิดขึ้น สรุปว่า ชุดฝึกอบรมนี้สามารถทำให้นักเรียนเกิดแรงบันดาลใจที่จะนำความรู้ หลักธรรมทางศาสนา และกระบวนการสานเสวนาไปใช้ในการจัดการความขัดแย้งและเสริมสร้างสันติสุข

 การวิจัยครั้งทำให้ได้องค์ความรู้ใหม่ เรียกว่า"กระบวนการ FILME-CMS-WWS Model"กล่าวคือ F-Faith Cultivation: บ่มเพาะศรัทธา I-Inner Peace Development: พัฒนาสันติภายใน L-Open mind to Learn: เปิดใจเรียนรู้  M-Bring heart with Buddhist peaceful Means: พุทธสันตินำใจ  E-Emphatic Communication: สื่อสารใส่ใจยอมรับ   CMS-Weave power for Conflict Management Skills: สานพลังสร้างทักษะการจัดการความขัดแย้ง  W-Learn the World Wide: เรียนรู้โลกกว้าง  และ S-Public Mind for Society: จิตสาธารณะเพื่อสังคม

บทคัดย่อภาษาอังกฤษ

The objectives of this research are: 1. to study the characteristics of Youth Peace Engineers in Educational Institutions, 2. to study the development process for Youth Peace Engineers in Educational Institutions, and 3. to present the development process for Youth Peace Engineers in Educational Institutions.  Using a mixed method research design consisting of qualitative research and quantitative research by using the training set that was created to experiment on training with grade 10 leading students totaling 20.  The tools used in the research were training set on process development for Youth Peace Engineers in Educational Institutions, learning result evaluation form of the Youth Peace Engineers in Educational Institutions , formed daily record, and analysis with results from quantitative and qualitative data with pre-test and post-test analyzed statistic of two-way ANOVA: t-test, and p-value.

From the research, it is found the followings:

1) The characteristics of the Youth Peace Engineers in Educational Institutions are comprised of internal and external parts, and ideological goals. Firstly, the internal and external qualifications include (1) having internal peace, (2) having spiritual strength and self-reliance, (3) having compassion, not wanting to hurt others, (4) having love and respect for self and others, (5) being a good communicator and listening with wide open heart, and speaking with wisdom, (6) being a compromiser, and (7) having knowledge of conflict management and using it as benefits.  Secondly, in regard of the ideological goals, they are: (1) realizing values and having confidence in peaceful means that are the ways to overcome conflicts, (2) creating benefits for one-self and others, and (3) devoting, sacrificing, being a devotee, a giver and someone who likes to share.

            2) Creating development of the Process for Youth Peace Engineers in Educational Institutions. The researcher has adopted the principles of Buddhism related to the Four Noble Truths, the process of thinking and understanding correctly according to Yonisomanasikarā principles, and Sikkhāttaya principles to be integrated with the Western theoretical concepts on the development of children and youth that are consistent; by having the basic principles: (1) Learner Centered, (2) Learning Facilitator, (3) Participatory Learning, and (4) Creating a relaxed environment of Facilitator’s friendliness in advising and counseling.

Training set for the development process for Youth Peace Engineers in Educational Institutions is created with the principles of KAMP to allow participants to learn (Knowledge), with attitudes and ideas that are correct (Attitudes) with the motivation to inspire for devoting oneself to help human fellows (Motivation), and skills in using the process of Buddhist Peaceful Means (Practices) to solve conflicts and strengthen peace.  The aspects of the content in organizing learning activities include (1) learning and recognizing human values, ​​(2) conflicts and consequences, (3) enhancement of consciousness, 4) Buddhist peaceful means for conflict resolutions and enhancing peace, and (5) dialogue process.  In the aspects of activities that are used in the training are recreational games, role playing, story-telling or case studies, mindfulness training (Satipatthāna), discussion, finding the Dhamma cores of the seen movies,  listened music (Dhamma in the movies and music), a total of 10 activities and assignment to take daily notes.  Moreover, there will be 6-week follow-up after training, along with skill practicing in making dialogues and surveying community.

3) The results of the development process for Youth Peace Engineers in Educational Institutions from the training, it is found that the average score before and after the experiment was significantly different at the level of 0.05.  Students who attend the training have the intention of learning, see the values of humanity; there is a correct attitude towards the occurred conflicts.   In conclusion, this training set can make the students inspired to bring knowledge, religious principles and dialogue process for use to manage conflicts and enhance peace.

This research found the new knowledge called the Process of ‘FILME-CMS-WWS’ Model:  F=Faith Cultivation, I=Inner Peace Development, L=Open Mind to Learn, M=Bring heart with Buddhist Peaceful Means, E=Emphatic Communication, CMS=Weaving power for Conflict Management Skills, W=Learning the Wide World, and S=Public Mind for Society.

รายการไฟล์