บทคัดย่อภาษาไทย

สารนิพนธ์ฉบับนี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1. เพื่อศึกษาระดับการให้บริการงานเยี่ยมญาติเรือนจำกลางคลองไผ่ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา 2. เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่าง หลักสังคหวัตถุ 4 กับการให้บริการงานเยี่ยมญาติเรือนจำกลางคลองไผ่ อำเภอสีคิ้ว  จังหวัดนครราชสีมา 3. เพื่อศึกษาปัญหา อุปสรรคและข้อเสนอแนะในการให้บริการงานเยี่ยมญาติ เรือนจำกลางคลองไผ่ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา การศึกษาวิจัยครั้งนี้ ดำเนินการตามระเบียบวิธีวิจัยแบบผสานวิธี โดยการวิจัยเชิงปริมาณใช้วิธีวิจัยเชิงสำรวจกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ประชาชน ซึ่งรับบริการงานเยี่ยมญาติ เรือนจำกลางคลองไผ่ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 263 คน โดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างจากสูตรของ Taro Yamane วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการหาความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างความสัมพันธ์ระหว่างหลักสังคหวัตถุ 4 กับการให้บริการงานเยี่ยมญาติเรือนจำกลางคลองไผ่ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา
เรือนจำกลางคลองไผ่ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ส่วนการวิจัยเชิงคุณภาพ เลือกผู้ให้ข้อมูลสำคัญแบบเจาะจง จำนวน 9 คน ด้วยวิธีการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้ให้ข้อมูลสำคัญ ใช้เทคนิคการวิเคราะห์เนื้อหาเชิงพรรณนา ประกอบบริบท นำเสนอเป็นความเรียงประกอบตารางแจกแจงความถี่ของผู้ให้ข้อมูลสำคัญ เพื่อสนับสนุนข้อมูลเชิงปริมาณ

ผลการวิจัยพบว่า

1. ผลการวิเคราะห์การให้บริการงานเยี่ยมญาติเรือนจำกลางคลองไผ่ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมาตามหลักสังคหวัตถุ 4 พบว่า ประชาชนที่มาติดต่อการให้บริการงานเยี่ยมญาติกับหลักสังคหวัตถุ 4 เรือนจำกลางคลองไผ่ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา โดยภาพรวมอยู่ใน ระดับมาก (X bar= 4.48, S.D.= 0.499) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ด้านปิยวาจา คือ วาจาที่เป็นที่รัก (X bar= 4.50, S.D. = 0.561 ) อยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมา คือ สมานัตตตา คือ การวางตนสม่ำเสมอ (X bar= 4.48, S.D. = 0.5488 ) อยู่ในระดับมาก ถัดมา อัตถจริยา คือ การประพฤติประโยชน์ (X bar=4.47, S.D. = 0.558) อยู่ในระดับมาก และสุดท้ายด้านทาน  คือ การให้ (X bar=4.47, S.D. = 0.533) อยู่ในระดับมาก ตามลำดับ

    2. ความสัมพันธ์ระหว่างหลักสังคหวัตถุ 4 กับการให้บริการงานเยี่ยมญาติเรือนจำ กลางคลองไผ่ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ในภาพรวมมีความสัมพันธ์ในเชิงบวกในระดับความสัมพันธ์มาก (R=.806**)  ในเชิงบวกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 กล่าวคือ เมื่อมีการให้บริการหลักสังคหวัตถุ 4 ส่งผลให้การให้บริการงานเยี่ยมญาติเรือนจำกลางคลองไผ่ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา มีรูปแบบการให้บริการในทางที่ดีมากขึ้น จึงยอมรับสมมติฐานการวิจัย

             3. ปัญหาและอุปสรรคพบว่า 1) ญาติผู้ต้องขังที่มาเยี่ยมมีความต้องการให้เพิ่มเวลาเยี่ยมผู้ต้องขังให้นานขึ้นญาติอยากเข้าเยี่ยมพร้อมกันหลายคน แต่ปัจจุบันทางเรือนจำอนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้แค่ 2 คน 1 ครั้งต่อสัปดาห์ 1) ญาติสูงอายุที่เดินทางมาเยี่ยมคนเดียวไม่เข้าใจขั้นตอนการให้บริการ 3) อุปกรณ์ในการเยี่ยมมีไม่เพียงพอต่อการให้บริการงานเยี่ยมญาติในช่วงเวลาที่มีญาติมาติดต่อเรือนจำนวนมาก 4) อุปกรณ์ในการเยี่ยมบางอย่างเกิดการชำรุด ทำให้ใช้งานได้ไม่มีประสิทธิภาพ 5) ญาติบางส่วนไม่เข้าใจในรูปแบบการให้บริการต่างๆ ส่วนข้อเสนอแนะ พบว่า 1) ควรเพิ่มระยะเวลาในการเยี่ยม จาก 20 นาที เป็น 30 นาที และให้ญาติเข้าเยี่ยม ผู้ต้องขังจาก 2 คน ต่อรอบเป็น 5 คน เพื่อให้ผู้ต้องได้มีกำลังใจในการพบปะญาติพี่น้องหลายคน 2) ให้เจ้าหน้าที่คอยให้ความรู้ด้านการใช้บริการงานเยี่ยมญาติแก่ญาติที่พึ่งมาในครั้งแรกให้ ทราบขั้นตอนการเยี่ยมญาติ 3) จัดหาอุปกรณ์ในการเยี่ยมไว้ให้เพียงพอต่อการให้บริการงานเยี่ยมญาติในทุกช่วงเวลา 4) ให้เจ้าหน้าที่ดูแล ซ่อมบำรุง อุปกรณ์ในการเยี่ยมมิให้เกิดความเสียหาย 5) ให้เจ้าหน้าที่ชี้แจงวิธีการให้บริการให้ญาติทราบรูปแบบการให้บริการต่าง ๆ

บทคัดย่อภาษาอังกฤษ

Objectives of this research paper were: 1.To studythe services of visiting relatives of Khlong Phai Central Prison, Sikhio District, Nakhon Rachasima Province,  2.To study the relationship of Sangahavatthu and the service of visiting relatives of Khlong Phai Central Prison, Sikhio District, Nakhon Rachasima Province and 3.To study problems, obstacles and recommendation for the services of visiting relatives of Khlong Phai Central Prison, Sikhio District, Nakhon Rachasima Province.

Methodology of this research paper was mixed methods:The quantitative method collected data from 263 samples by random sampling using Taro Yamane Formula who were the relatives who received the services from Khlong Phai Central Prison, Sikhio District, Nakhon Rachasima Province.  The statistics used to analyze the datawere percentage, mean, standard deviation and correlation of Sangahavatthu and the service of visiting relatives of Khlong Phai Central Prison, Sikhio District, Nakhon Rachasima Province. The qualitative method, data were collected from 9 key informants by in-depth-interviewing and analyzed by content descriptive interpretation.

                Findings were as follows:

1. The overall opinion on the service of visiting relatives of Khlong Phai Central Prison, Sikhio District, Nakhon Rachasima Province according to Sangahavatthu was at the high level (  X bar= 4.48, S.D.= 0.499).  Each aspect, the Piyavaca which meant kind speech was at the highest level (X bar  = 4.50, S.D. = 0.561), Samanattata which meant equality consisting in impartiality was at high level (X bar= 4.48, S.D. = 0.548), Atthacariya which meant useful conduct of rendering services was at high level  (  X bar= 4.47, S.D. = 0.558) and Dana which meant giving was also at high level (  X bar= 4.47, S.D. = 0.533) respectively.

2. The relation of Sangahavatthu and the service of visiting relatives of Khlong Phai Central Prison, Sikhio District, Nakhon Rachasima Province, by overall had positive correlation at the high level (R = .806**) with the statistical significant level at 0.01 which meant the provided services of visiting relatives with Sangahavatthu had impact on better services of visiting relatives of Khlong Phai Central Prison, Sikhio District, Nakhon Rachasima Province.  Therefore, the hypothesis was accepted.

3. The problems and obstacles were: 1) the relatives would like to increase longer duration of visiting time  and more relatives would like to visit together. At present, 2 relatives were allowed to visit once a week, 2) Elderly relatives who came alone did not understand the procedure, 3) Tools were not enough for the services in the peak period with many visitors, 4) Tools were damaged and inefficient and 5) some relatives did not understand the services format. The recommendations were: 1) the visiting duration should be increased from 20 to 30 minutes and to allow more relatives to visit from 2 to 5 persons so that the prisoner had more motivation, 2) the officer should be provided to guide relatives who came for the first time to understand the procedure, 3) to provide sufficient tools for the services at all time, 4) tools should be repaired to be in good condition and 5) the officers to inform the relatives to understand the services format.

รายการไฟล์