-
ชื่อเรื่องภาษาไทยการพัฒนาการบริหารจัดการสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดใน อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
- ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษManagement Development of Provincial Meditation Centers in Bangsaphan District, Prachuapkhirikhan Province
- ผู้วิจัยพระปลัดพนมชัย มหาวชิโร (กิตติศักดิ์)
- ที่ปรึกษา 1พระครูวาทีวรวัฒน์, ดร,
- ที่ปรึกษา 2พระมหากังวาล ธีรธมฺโม
- วันสำเร็จการศึกษา26/02/2019
- ส่วนงานจัดการศึกษา:บัณฑิตวิทยาลัย
- ชื่อปริญญาพุทธศาสตรมหาบัณฑิต (พธ.ม.)
- ระดับปริญญาปริญญาโท
- สาขาวิชาการจัดการเชิงพุทธ
- URI http://e-thesis.iteam.co.th/thesis/483
- ปรากฏในหมวดหมู่สารนิพนธ์
- ดาวน์โหลด 272
- จำนวนผู้เข้าชม 479
บทคัดย่อภาษาไทย
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาการพัฒนาการบริหารจัดการสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดในอำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (2) ศึกษาเปรียบเทียบการพัฒนาการบริหารจัดการสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดในอำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และ (3) ศึกษาปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะเพื่อการพัฒนาการบริหารจัดการสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดในอำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยในการศึกษาครั้งนี้ เป็นการวิจัยเชิงผสานวิธี (mixed methods research) เก็บข้อมูลภาคสนาม (Field Study) จากผู้มาเข้าปฏิบัติธรรมในสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดในอำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ผู้วิจัยได้ใช้สูตรของ
ทาโร่ ยามาเน่ (Taro Yamane) โดยมีประชากรเป็นเจ้าหน้าที่ประสานงานประจำสำนักปฏิบัติธรรม และผู้ปฏิบัติธรรม จำนวน 3 วัด จำนวน 1,596 คน จึงได้ขนาดของกลุ่มตัวอย่างจำนวน ๓๒๐ คน ซึ่งใช้แบบสอบถาม (Questionnaire) เป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล ลักษณะของแบบสอบถามเป็นทั้งปลายปิด และปลายเปิด ผู้วิจัยได้วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้ โดยหาค่าความถี่ (Frequency) ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation: S.D.) ทดสอบสมมติฐานโดยการทดสอบค่าที (t-test) และค่าเอฟ (F-test) วิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-Way Analysis of Variance) เมื่อพบความแตกต่าง จึงทำการเปรียบเทียบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยเป็นคู่ ด้วยวิธีผลต่างนัยสำคัญน้อยที่สุด (Least Significant Difference: LSD.) การวิจัยเชิงคุณภาพโดยการสัมภาษณ์ เจ้าสำนักปฏิบัติธรรม พระวิทยากร ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง จำนวน 9 รูป/คน
ทาโร่ ยามาเน่ (Taro Yamane) โดยมีประชากรเป็นเจ้าหน้าที่ประสานงานประจำสำนักปฏิบัติธรรม และผู้ปฏิบัติธรรม จำนวน 3 วัด จำนวน 1,596 คน จึงได้ขนาดของกลุ่มตัวอย่างจำนวน ๓๒๐ คน ซึ่งใช้แบบสอบถาม (Questionnaire) เป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล ลักษณะของแบบสอบถามเป็นทั้งปลายปิด และปลายเปิด ผู้วิจัยได้วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้ โดยหาค่าความถี่ (Frequency) ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation: S.D.) ทดสอบสมมติฐานโดยการทดสอบค่าที (t-test) และค่าเอฟ (F-test) วิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-Way Analysis of Variance) เมื่อพบความแตกต่าง จึงทำการเปรียบเทียบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยเป็นคู่ ด้วยวิธีผลต่างนัยสำคัญน้อยที่สุด (Least Significant Difference: LSD.) การวิจัยเชิงคุณภาพโดยการสัมภาษณ์ เจ้าสำนักปฏิบัติธรรม พระวิทยากร ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง จำนวน 9 รูป/คน
ผลการวิจัยพบว่า
1. การพัฒนาการบริหารจัดการสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดในอำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยภาพรวม อยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.85 เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านการจัดการ อยู่ในระดับปานกลาง มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.48 ส่วนด้านอื่นๆ ที่เหลืออยู่ในระดับมากทุกด้าน
2. ผลการเปรียบเทียบระดับการพัฒนาการบริหารจัดการสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดในอำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตามความคิดเห็นของผู้มาเข้าปฏิบัติธรรม จำแนกตามสถานภาพส่วนบุคคล พบว่า สถานภาพส่วนบุคคลด้านเพศ และอายุ ของผู้มาเข้าปฏิบัติธรรม
มีผลทำให้ความคิดเห็นที่มีต่อการพัฒนาการบริหารจัดการสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดในอำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยภาพรวม แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ ส่วนสถานภาพส่วนบุคคลด้านการศึกษาสามัญ และการศึกษาทางธรรม ไม่มีผลทำให้เกิดความคิดเห็นที่แตกต่างกัน
มีผลทำให้ความคิดเห็นที่มีต่อการพัฒนาการบริหารจัดการสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดในอำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยภาพรวม แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ ส่วนสถานภาพส่วนบุคคลด้านการศึกษาสามัญ และการศึกษาทางธรรม ไม่มีผลทำให้เกิดความคิดเห็นที่แตกต่างกัน
3. ข้อเสนอแนะในการพัฒนาการบริหารจัดการสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดในอำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้แก่ (1) ด้านสถานที่ ควรสร้างและบูรณปฏิสังขรณ์เสนาสนะวัด ปัญหาที่พบคือ ขาดการดูแลเอาใจใส่ จึงจำเป็นต้องมีนโยบายการตั้งคณะกรรมการควบคุมดูแล ให้มีผู้รับผิดชอบที่เป็นรูปธรรมและเอาใจใส่จริงๆ (2) ด้านบุคคลากร ควรมีนโยบายการประสานหน่วยงานภาครัฐและเอกชน สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (3) ด้านการบริหารจัดการ ปัญหาที่พบคือ การทำงานยังไม่เป็นระบบทำให้ขาดประสิทธิผลสูงสุดในการประสานงาน จึงควรมีการประสานหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อจัดสัมมนาและเชิญวิทยากรที่มีความรู้ความสามารถในด้านการพัฒนาบุคคลากรและองค์กรให้ความรู้ในวัดเพิ่มเติม
บทคัดย่อภาษาอังกฤษ
The objectives of this research were: (1) to study the Management Development of provincial Meditation Centers in Bangsaphan district, Prachuapkhirikhan province (2) to study comparison study Management Development of provincial Meditation Centers in Bangsaphan district, Prachuapkhirikhan province, and (3) to study the problems, obstacles and suggestions for Management Development of provincial Meditation Centers in Bangsaphan district, Prachuapkhirikhan province in this study was was mixed methods research fonhad Field data collection from religious practitioners in the provincial office in Bangsaphan district Prachuapkhirikhan province. The researcher used the formula of Taro Yamane, whose population is the coordinator of the Dharma Center and the number of meditation practitioners in the amount of 1,596 people, therefore, gained the size of the sample group of 320 people who used the questionnaire as at the tool for collecting data. The characteristics of the questionnaire were both closed and open ended. The researcher analyzed the data obtained, through the frequency, percentage, Standard Deviation: SD, testing the hypothesis by t-test and F-test One-way analysis of variance when finding differences Therefore comparing the differences in the average in pairs with the least significant difference LSD. The qualitative research wis through in depth interview of 9 abbots meditation master related persons
The Findings of research were as following:
1. Management Development of provincial Meditation Centers in Bangsaphan district, Prachuapkhirikhan province, overall, is at a high level. with an average of 3.85. When considering each aspect, it was found that the management aspect were at the moderate level with an average of 3.47, the other aspects were at high level .
2. The finding of the comparison of the level of Management Development of provincial Meditation Centers in Bangsaphan district, Prachuapkhirikhan province, according to the opinions of the practitioners, classified by personal status, found that personal status in sex and age of the participants had the opinion towards the Management Development of provincial Meditation Centers in Bangsaphan district, Prachuapkhirikhan province, with a significantly difference at the level of 0.05, which is in accordance with the hypothesis set. But personal status such as general education and religious education did not effect on different opinions.
3. Suggestions for the Management Development of provincial Meditation Centers in Bangsaphan district, Prachuapkhirikhan province, namely (1) The place aspect; should build and reconstruct the temple. The problem is lack of care. Therefore, need to have a policy to set up a supervisory board to have in responsible persons seriously (2) Personnel aspect; should have a policy to coordinate government and private agencies and National Buddhism Office (3) Management aspect; the problem is working unsystematically lack of maximum effectiveness in coordination. Therefore should coordinate with government and private agencies for seminars and invite academicians who have the knowledge and ability of personnel development and organizations for addition knowledge to temples.
รายการไฟล์
ชื่อ | ไฟล์ | ขนาด | ประเภทไฟล์ | ดาวน์โหลด | วันที่ทำรายการ | |
---|---|---|---|---|---|---|
Full Text | Full Text.pdf | 7.63 MiB | 272 | 4 มิ.ย. 2564 เวลา 02:59 น. | ดาวน์โหลด |