บทคัดย่อภาษาไทย

การวิจัยนี้ เป็นการวิจัยในรูปแบบ Research and Development หรือ (R and D)      มีวัตถุประสงค์ 3 ประการ ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาวิเคราะห์ สภาพปัญหาของการพัฒนาผู้ประนีประนอมในคดีอาญาและแนวคิดทฤษฎีการพัฒนาผู้ประนีประนอมในคดีอาญาต้นแบบตามแนวทางตามศาสตร์สมัยใหม่ 2) เพื่อศึกษาวิเคราะห์หลักพุทธสันติวิธีที่เอื้อต่อการพัฒนาผู้ประนีประนอมในคดีอาญาต้นแบบโดยพุทธสันติวิธี 3) เพื่อนำเสนอรูปแบบการพัฒนาผู้ประนีประนอมในคดีอาญาต้นแบบ       โดยพุทธสันติวิธี ในศาลอุทธรณ์

ผลการวิจัยพบว่า

1) สภาพปัญหาของผู้ประนีประนอมในคดีอาญาในปัจจุบัน พบว่าผู้ประนีประนอม       ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบธุรกิจส่วนตัว และข้าราชการที่เกษียณอายุ ที่อาสาเข้ามาช่วยงานของ        ศาลยุติธรรมมีผลตอบแทนเพียงเล็กน้อย บางท่านยังเชื่อมั่นในตนเอง บางท่านยังไม่เคย                  มีประสบการณ์ ความรู้ด้านกระบวนการไกล่เกลี่ย ทั้งความเข้าใจในบทบาทและหน้าที่ของตน จุดประสงค์ของการนำคดีอาญาเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยคือองค์ความรู้ด้านกระบวนการและขั้นตอนทางอาญารวมถึงกฎหมายอาญาที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกฎหมายแพ่งเกี่ยวเนื่องอาญา           ตามมาตรา 44/1

2) หลักพุทธสันติวิธีที่เอื้อต่อการพัฒนาผู้ประนีประนอมในคดีอาญาต้นแบบโดยพุทธสันติวิธี พบว่า การพัฒนาผู้ประนีประนอมในคดีอาญาต้นแบบโดยพุทธสันติวิธี ด้วยการดำเนินตามหลักพุทธสันติวิธี ซึ่งเกิดจากการพัฒนาผ่านหลักไตรสิกขา ประกอบด้วย อธิศีลสิกขา อธิจิตสิกขา และ       อธิปัญญาสิกขา โดยมีผลลัพธ์แสดงออกมาในรูปแบบของภาวิต 4 ประกอบด้วย การพัฒนาภายนอก 2 ประการ คือ ภาวิตกาย ภาวิตศีล และการพัฒนาภายใน 2 ประการ คือ ภาวิตจิต ภาวิตปัญญา     โดยหลักพุทธสันติวิธีนี้จะทำให้เข้าใจในหลักการการพัฒนาคุณลักษณะภายในและคุณลักษณะภายนอกซึ่งคุณลักษณะของผู้ประนีประนอมที่พึงประสงค์ พบว่าต้องมี ก) ทัศนคติดี บุคลิกภาพดี พูดจาดี มีความซื่อสัตย์, ข) พฤติกรรมดีวางตนเหมาะสม รู้บทบาทหน้าที่ของตน, ค) มีจิตมั่นคง          มีเมตตา มีไหวพริบ ควบคุมอารมณ์ตนเองและผู้อื่นได้, ง) มีความรู้ในปัญหา มีปัญญาในการแก้ไข      นำคู่ขัดแย้งออกจากปัญหา สมานไมตรีมีสัมพันธ์

          3) รูปแบบการพัฒนาผู้ประนีประนอมในคดีอาญาต้นแบบโดยพุทธสันติวิธี ประกอบด้วยกระบวนการการพัฒนา (DEVELOPMENT PROCESS) ทั้ง6 ด้าน คือ 1) ด้านคุณลักษณะของ          ผู้ประนีประนอมในคดีอาญาต้นแบบ (A-มีทัศนคติดี, K-มีความรู้, S-มีทักษะไหวพริบ, M-มีสติ ขันติ    จากภายในสู่สันติภายนอก)  2) ด้านกฎหมาย กระบวนการ ขั้นตอนทางอาญา 3) ด้านกระบวนการการ ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในคดีอาญา 4) ด้านทักษะ จิตวิทยา และการสื่อสาร 5) ด้านเครื่องมือ      พุทธสันติวิธี 6) ด้านการพัฒนาสติ สันติภายใน โดยใช้กิจกรรมตามหลักของไตรสิกขา ประกอบด้วย        ก)นำปฏิบัติ ข)พัฒนาจิต ค) พิชิตทางสว่าง ซึ่งจะมีผลลัพธ์ของผู้ประนีประนอมในคดีอาญาต้นแบบ โดยพุทธสันติวิธี คือ 1) บุคลิกงดงาม (Beautiful personality) 2) พฤติกรรมเหมาะสม (Appropriate behavior) 3) มั่นคงเมตตา (Stable kindness)  4) พัฒนาตื่นรู้ (Develop awareness)

บทคัดย่อภาษาอังกฤษ

The study employed research and development method with the following objectives: 1) to analyze conciliator development problems in criminal cases and concepts of conciliator development in model criminal cases using modern science;       2) to investigate Buddhist peaceful means conducive to the development of a conciliator in model criminal cases through Buddhist peaceful means; and 3) to propose a conciliator development model in model criminal cases by Buddhist peaceful means.

            From the study, the following results are found:

            1) The current conciliator developmental problems in criminal cases are due to the fact that the majority of conciliators are self-employed or retired civil servants who volunteer to work at the court of justice for little pay. Although some people believe in themselves, others have no experience or knowledge of the mediation process, including their own roles and responsibilities. The goal of bringing criminal cases into the mediation process is to gain knowledge of criminal processes and procedures, as well as relevant criminal laws, particularly civil claims in connection with an offence under Section 44/1.

            2) The Buddhist peaceful means conducive to the development of a conciliator in model criminal cases through Buddhist peaceful means are based on Tisikkhā (the Threefold Learning) comprising Adhisīla-sikkhā (training in higher morality), Adhicitta-sikkhā (training in higher mentality), and Adhipaññā-sikkhā (training in higher wisdom). The results are shown in the form of Bhāvita (the Four Developments) which consists of ๒ outer developments namely Bhāvita-kāya (physical development) and Bhāvita-sīla (moral development); and ๒ inner developments namely Bhāvita-citta (mental development) and Bhāvita-paññā (wisdom development). This Buddhist peaceful means helps conciliators in understanding the principles for developing inner and outer qualities in order to have desirable conciliator characteristics including: a) positive attitude, positive personality, polite speech, and honesty;                 b) appropriate behavior, as well as understanding one's roles and responsibilities;              c) having a stable and compassionate mind, as well as controlling one's emotions and the emotions of others; and d) knowledge of issues and wisdom in resolving them, as well as easing both parties' conflicts and achieving reconciliation.

3) A conciliator development model in model criminal cases by Buddhist peaceful means consists of ๖ aspects which are: (1) Characteristics such as a positive attitude, knowledge, skill, mindfulness, and both inner and outer peace; (2) Legal processes and criminal procedures; (3) Mediation processes in criminal cases; (4) Skills in both psychology and communication; (5) Buddhist peaceful tools; 6) The development of inner peace by using activities based on Tisikkhā (the Threefold Learning) which includes a) practice, b) mind development, and c) achievement in the correct manner. All of this will result a conciliator in model criminal cases with the following characteristics: (1) Beautiful personality; (2) Appropriate behavior;                  (3) Loving-kindness; and (4) Development of Awakening.

รายการไฟล์