บทคัดย่อภาษาไทย

         การศึกษาวิจัยครั้งนี้ดำเนินการตามระเบียบวิธีวิจัยแบบผสมผสานวิธี (Mixed Method Research) โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงปริมาณใช้แบบสอบถามที่มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.988 ซึ่งสำรวจประชากรข้าราชการตำรวจ จำนวน 140 คน ใช้วิธีเฉพาะเจาะจงตามจำนวนที่อยู่จริง วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการหาค่าความถี่ (Frequency) ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) และใช้วิธีการหาค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน (Pearson’s Product Moment Correlation Coefficient) ในการวิจัยเชิงคุณภาพใช้การสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้ให้ข้อมูลสำคัญ จำนวน 12 คน และวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้เทคนิคการวิเคราะห์เนื้อหาประกอบบริบทและสังเคราะห์ข้อมูลตามวัตถุประสงค์ของการวิจัย

          ผลการวิจัยพบว่า

          1) ความคิดเห็นของข้าราชการตำรวจต่อระดับการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจสถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจทางหลวง โดยภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านการบริหารและบริการทั่วไป ด้านการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน  ด้านการควบคุมและจัดการการจราจร ด้านการบริหารและพัฒนาบุคลากร ทั้ง 4 ด้านอยู่ในระดับปานกลาง คือ การจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้บริการประชาชนอย่างเพียงพอ มีการเปิดรับฟังข้อแสดงความคิดเห็นของประชาชนผู้มาใช้บริการ ใช้ระบบสายตรวจให้เหมาะสมกับสถานภาพอาชญากรรมและสถานการณ์ในพื้นที่รวมทั้งการนำเทคโนโลยี และเร่งรัดการสืบสวนจับกุมคนร้าย และคดีทีมีผลกระทบต่อการดำรงชีวิตประจำวันของประชาชน และความคิดเห็นของข้าราชการตำรวจต่อการส่งเสริมการปฏิบัติงานตามหลักสังคหวัตถุธรรมของข้าราชการตำรวจสถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจทางหลวง โดยภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า หลักการให้ทาน หลักการปิยวาจา หลักการอัตถจริยา และหลักสมานัตตา อยู่ในระดับปานกลางทุกข้อ คือ เจ้าหน้าที่ตำรวจให้การต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสเต็มใจโดยมีการพูดจาด้วยความสุภาพที่เต็มใจและคำพูดที่สุภาพให้เหมาะสม ให้ความสนใจเข้าไปสอบถามและคอยให้ความช่วยเหลือแก่ผู้มาติดต่อ โดยปฏิบัติเป็นแบบอย่างตามกฎหมายไม่นอกรีดหรือเป็นผู้ละเมิดกฎหมายเสียเอง มีความยืดหยุ่นผ่อนปรนในการให้บริการแก่ประชาชนที่มาติดต่อ และปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์เป็นธรรมต่อประชาชนด้วยความเท่าเทียมกัน

          2) ปัจจัยหลักการปฏิบัติงานของสถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจทางหลวง มีความสัมพันธ์กับหลักสังคหวัตถุธรรม เพื่อส่งเสริมการปฏิบัติงานตามหลักสังคหวัตถุธรรมของข้าราชการตำรวจสถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ในเชิงบวกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 โดยมีระดับความสัมพันธ์ปานกลาง กล่าวคือ เมื่อข้าราชการตำรวจของสถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจทางหลวง มีการนำหลักการปฏิบัติงานตามหลักสังคหวัตถุธรรมของสถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจทางหลวงกับหลักสังคหวัตถุธรรม มาใช้ในการบริหารงานขององค์กรได้ในระดับปานกลาง ก็จะส่งผลให้การปฏิบัติงานของสถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจทางหลวง มีศักยภาพ ประสิทธิภาพต่อปฏิบัติงานของข้าราชการสถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจทางหลวงเพิ่มมากขึ้น จึงยอมรับสมมติฐาน

          3) แนวทางการพัฒนาการส่งเสริมการปฏิบัติงานตามหลักสังคหวัตถุธรรมของข้าราชการตำรวจสถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจทางหลวง คือ หลักการให้ทาน ควรให้คำปรึกษาด้านกฎหมายและด้านความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ด้วยความเสมอภาค ควรมีการช่วยเหลือ ควรส่งเสริมอบรมพัฒนาให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม ด้านหลักปิยวาจา ควรให้การต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสเต็มใจ ควรอบรมพัฒนาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพูดจาชัดเจนและเข้าใจง่ายเป็นประโยชน์ต่อผู้มาแจ้งความหรือติดต่อใช้บริการ หลักอัตถจริยา ควรให้ความสนใจเข้าไปให้ความช่วยเหลือแก่ไม่เห็นอามิสสินจ้างต่าง ๆ ด้วยการปฏิบัติเป็นแบบอย่างตามกฎหมาย และด้านหลักสมานัตตตา ควรให้ความช่วยเหลือด้วยความเท่าเทียมโดยไม่เลือกฐานะ ควรให้บริการอย่างเป็นธรรมตามลำดับก่อนหลัง ควรส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีความตั้งใจมั่นที่จะประสานงานและปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์เป็นธรรม

บทคัดย่อภาษาอังกฤษ

           The study used a mixed-method approach that included qualitative as well as quantitative methods. The quantitative data were collected using a questionnaire with a reliability of .988 from 140 police officers, who were chosen through purposive sampling. The obtained data were analyzed by frequency, percentage, mean, standard deviation, and Pearson correlation coefficient. The qualitative data were acquired through in-depth interviews with 12 key informants. The acquired data were analyzed by content analysis and synthesized based on the research objectives.

            From the study, the following results are found:

               1) Opinions of police officers toward the operations of Highway Police Station 1, Sub-Division 4, Highway Police Division are overall at a moderate level. When all aspects are reviewed, it is discovered that general administration and service, property and asset safety, traffic control and management, and personnel development and administration are all at a moderate level. There are enough police officers to serve the public and listen to the views of those who use the service. The police station has a patrol system that is specifically designed for the crimes and situations in the area. This system uses technology to access the data center system, collect data in the unit to ensure accuracy and timeliness, and should be employed in the investigation and arrest of criminals as well as cases that have an impact on people's daily life. Opinions of police officers toward the operations based on Saṅgahavatthu of Highway Police Station 1, Sub-Division 4, Highway Police Division are at a moderate level. When all aspects are reviewed, it is found that Dāna (giving), Piyavācā (kindly speech), Atthacariyā (useful conduct), and Samānattatā (equal and even treatment) are at a moderate level. Police officers greet people with smiles, use polite and nice words, inquire and assist those who use the service, set a good example by following the law without breaking it, have the flexibility to provide service to people, and conduct their job honestly and fairly.

               2) The operations of Highway Police Station 1, Sub-Division 4, Highway Police Division are associated at a moderate level with Saṅgahavatthu, with a statistical significance of 0.01. The police officers of Highway Police Station 1, Sub-Division 4, Highway Police Division apply Saṅgahavatthu with their operations at a moderate level, resulting in more potential and efficient operations; therefore, the null hypothesis is accepted.

               3) The guidelines for promoting the operations based on Saṅgahavatthu of Highway Police Station 1, Sub-Division 4, Highway Police Division are: (1) Dāna by offering equal legal consultation and support. The police officers should be developed to have more efficient operations; (2) Piyavācā by greeting with smiles. The police officers should be trained to talk in a clear and understandable manner, which will benefit those who use the service; (3) Atthacariyā by offering assistance without expecting anything in return and setting a good example in accordance with the law; and (4) Samānattatā by offering support in an equitable manner without discrimination and providing service fairly. Police officers should be encouraged to cooperate and do their jobs honestly and equitably.

รายการไฟล์