บทคัดย่อภาษาไทย

การวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์ 3 ประการ 1) เพื่อศึกษาวิเคราะห์บริบท สภาพปัญหา และความต้องการต่อรูปแบบการบริหารจัดการด้านบัญชีการเงินของวัดไทยในสหรัฐอเมริกา วัดชัยมงคลวราราม    เมืองอ๊อคเด้น รัฐยูท่าห์ สหรัฐอเมริกา และแนวคิด ทฤษฎี วิธีปฏิบัติเกี่ยวกับรูปแบบการบริหารจัดการด้านบัญชีการเงินตามแนวศาสตร์สมัยใหม่ 2) เพื่อศึกษาวิเคราะห์หลักพุทธสันติวิธี ที่เอื้อต่อรูปแบบ   การบริหารจัดการด้านบัญชีการเงินโดยพุทธสันติวิธี และ 3) เพื่อพัฒนาและนำเสนอรูปแบบการบริหารจัดการด้านการบัญชีการเงินโดยพุทธสันติวิธี เป็นงานวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบอริยสัจจ์โมเดล         (Action Research) ภายใต้กรอบการดำเนินการวิจัย 9 ขั้น มีการสัมภาษณ์เชิงลึก พระสงฆ์/            พระธรรมทูต นักวิชาการทางพระพุทธศาสนา จำนวน 11 รูป คณาจารย์ นักวิชาการบัญชีและ       การเงิน จำนวน 9 คน และกระบวนการวิพากษ์ จำนวน 8 รูป/คน

ผลการวิจัย พบว่า

1) วัดไม่มีระบบการบัญชี ที่มารองรับในการจัดทำงบการเงินและสมุดรายงานการบัญชีต่างๆ ในอดีตทางวัดเคยจัดทำงบการเงิน 3 ปี โดยจ้างนักบัญชี CPA แต่ก็หยุดจ้างอันด้วยมาจาก     การคิดค่าจัดทำบัญชีสูงมาก วัดไม่สามารถที่จะจ่ายค่าใช้จ่ายนี้ไหว 2) ขาดบุคลากรที่มีประสบการณ์ทางการบัญชี เข้ามาช่วยจัดทำบัญชี พร้อมให้การอบรมด้านบัญชีแก่ผู้ที่ไม่มีความรู้ทางด้านนี้ และไม่มีอาสาสมัครที่จะเข้ามาช่วยดำเนินการทางด้านบัญชีการเงินอย่างจริงจัง 3) พระสงฆ์ไม่มีความรู้        ด้านบัญชีและไม่มีเวลาเพียงพอที่จะเรียนรู้กระบวนการจัดทำบัญชี 4) ทางวัดมีการก่อสร้างอาคารวิปัสสนา และมีค่าใช้จ่ายสูงมาก จึงมีความจำเป็นที่ควรจะทราบสถานะทางการเงินเพื่อให้เพียงพอ   แก่ค่าก่อสร้าง แต่ก็ไม่สามารถทราบได้ เนื่องจากไม่มีการจัดทำบัญชีรายได้และค่าใช้จ่าย เพื่อเป็นฐานในการทำงบประมาณการเงินในอนาคตได้ อาจจะทำให้เกิดภาวะเงินขัดสน มีผลทำให้การดำเนินงานก่อสร้างหยุดชะงักหรือช้าลงได้ จากการศึกษา พบว่า การจัดทำบัญชีไม่เป็นการยากและใช้เวลา       ไม่นานเกินกว่าปกติ เนื่องจากทางวัดมีการจัดเก็บเอกสารไว้เป็นระเบียบดี เช่น สามารถแสดง           ใบอนุโมทนาบัตร เช็คที่สั่งจ่ายค่าใช้จ่าย/ใบเสร็จของค่าใช้จ่าย ใบสรุปยอดเงินฝากคงเหลือทุกเดือน    จากธนาคาร ซึ่งเอกสารเหล่านี้เป็นข้อมูลเบื้องต้นที่จะต้องนำมาบันทึกบัญชี และการบริหารจัดการด้านบัญชีการเงินของวัดชัยมงคลวราราม เมืองอ๊อคเด้น รัฐยูท่าห์ ประเทศสหรัฐอเมริกา การมีระบบบัญชีที่ดี โดยบุคลากรผู้มีความรู้ชำนาญทางบัญชี เข้ามาปฏิบัติการโดย 1) การออกแบบสร้างระบบบัญชีให้สอดคล้องกับบริบทของวัด 2) กระบวนการจัดทำบัญชีเบื้องต้นอย่างง่าย และ 3) การจัดอบรมเรียนรู้ทางการบัญชี ก็จะสามารถปรับปรุงแก้ไขปัญหาที่พบได้จากการวิจัยนี้ได้ ระบบและกระบวนการบัญชีนี้สามารถใช้ได้อย่างต่อเนื่องทุกยุคทุกสมัย และแนวคิด ทฤษฎีเกี่ยวกับการบริหารจัดการด้านบัญชีการเงินตามศาสตร์สมัยใหม่ ได้นำหลักธรรมาภิบาล รูปแบบความเข้มแข็ง ทฤษฎีกระบวนการบริหาร POSDCoRB Model หลักการปฏิบัติการบัญชี และกฎเกณฑ์ระเบียบงบการเงินของประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อให้กระบวนการทำบัญชี มีความโปร่งใส เปิดเผยตามข้อเท็จจริง ตรวจสอบได้เพื่อจัดทำหลักการ PARENT Model

2) การนำสุจริตธรรมทางพระพุทธศาสนา 1) กายสุจริต (ทำดี) สัมมากัมมันตะ ประพฤติชอบด้วยกาย 2) วจีสุจริต (พูดดี) สัมมาวาจา ประพฤติชอบด้วยวาจา และ 3) มโนสุจริต (คิดดี) สัมมาทิฏฐิ ประพฤติชอบด้วยใจ เป็นหลักธรรมพื้นฐานของมนุษย์ที่นำไปสู่ความสันติสุขในสังคมนั้นๆ หลักพุทธสันติวิธีนี้เอื้อและส่งเสริมสนับสนุนต่อการบริหารจัดการด้านบัญชีการเงิน โดยมีความเห็นถูกต้อง คิดปรารถนาดี การพูดให้ข้อเท็จจริง มีเหตุผล การพูดส่งเสริมและเป็นประโยชน์               การช่วยเหลือสนับสนุนเกื้อกูลกัน การเคารพสิทธิในทรัพย์สินของกันและกัน และการดูแลรักษาทรัพย์สินโดยชอบธรรม

3) การพัฒนาสู่การบริหารจัดการด้านบัญชีการเงิน นำหลักกการ  PARENT Model หลักการ “แม่บท” ประกอบด้วย 1) P (Participation) การมีส่วนร่วม พระสงฆ์และสาธุชนมีส่วนร่วมในการรับรู้ข้อมูลทางการบัญชีและเสนอแนะทางช่องการสื่อสารต่างๆ โดยการติดประกาศเปิดเผยรายงานทางการบัญชีการเงิน และผ่านช่องทางกลุ่มไลน์ 2) A (Accountability) ความรับผิดชอบ การมีคณะกรรมการ/ผู้รับผิดชอบดูแลในแต่ละฝ่ายของกระบวนการและการจัดทำบัญชีงบการเงินอย่างเหมาะสมชัดเจน 3) R (Regulations and Laws) การปฏิบัติตามกฎระเบียบและกฎหมาย      ของสหรัฐอเมริกา การจัดทำงบการเงินบัญชีภายใต้กฎเกณฑ์ IRS 4) E (Efficiency) ประสิทธิภาพ การกำหนดกรอบระยะเวลาและการสร้างแบบแนวทางการทำบัญชีที่ดีเหมาะสม 5) N (Knowledge) ความรู้ มีการจัดอบรม แลกเปลี่ยน เรียนรู้ต่อกัน ทางด้านการบันทึกบัญชี ให้แก่พระสงฆ์/สาธุชน        ที่เกี่ยวข้อง  6) T (Transparency) ความโปร่งใส การเปิดเผยข้อมูลตามความเป็นจริง ไม่ปกปิด และตรวจสอบได้ โดยการแจ้งข้อมูลทางช่องทางสื่อต่างๆ และอาจมีคณะกรรมการ บุคคลภายนอกสามารถตรวจสอบข้อมูลด้านบัญชีได้ จากหลักการนี้จะนำไปสู่ความซื่อสัตย์สุจริต และการมีระบบบัญชีและกระบวนการจัดทำบัญชีที่ดีถูกต้องเหมาะสม และนำมาใช้เป็นแบบอย่างได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะทำให้สัมฤทธิ์ผลและประสบผลสำเร็จตามจุดมุ่งหมาย สามารถนำมาเป็นแบบอย่างใช้ได้อย่างถาวร จะนำไปสู่ความมั่นคง ยั่งยืน และก่อให้เกิดความสันติสุขในชุมชนนั้นๆ

บทคัดย่อภาษาอังกฤษ

This research consisted of three objectives are 1) to study the context, problems and necessities of financial accounting management of Wat Chaimongkolvararam, Ogden, Utah, as well as its concepts and theories according to modern science; 2) to explore the Buddhist peaceful means promoting the financial accounting management; and 3) to develop and present a model for the financial accounting management by Buddhist peaceful means.  The study was an action research with a 9-step procedure. To collect data, an in-depth interview was conducted with 11 Buddhist monks and lecturers, as well as 9 financial accounting specialists. A seminar was also held to collect data with 8 persons.

            From the study, the following results are found:

            1) The temple lacks an accounting system that would allow it to generate financial statements and accounting reports. Previously, the temple used to have financial statements prepared by a certified public accountant (CPA), but this practice was discontinued due to the high cost that the temple could not afford; (2) Lack of accounting personnel with experience who could prepare accounting or provide accounting training to those who do not have this knowledge. There is no volunteer who can do financial accounting properly; (3) Monks lack both the expertise and the time to understand the accounting process; (4) The meditation hall has been built at a high cost by the temple. This requires a financial status to prepare for construction, but the temple's financial status is unknown due to a lack of income and expense accounting. This could result in a lack of money, causing construction operations to be halted or delayed. From the study, it has been found that accounting is not difficult and does not take longer time as the temple has a systematic storage of documents e.g., donation receipt, expense checks/expenses receipts, bank statement of monthly balance. These are preliminary documents that must be recorded in the account. and the financial accounting management of Wat Chaimongkolvararam, Ogden, Utah, has been found to have a good accounting system that is conducted by accounting specialists using the following procedure: (1) to build the accounting system that is aligned with the context of the temple; (2) to carry out the basic accounting process; and (3) to teach/train accounting skills. This procedure will address the issues raised by this study. The accounting process and procedure can be used by people at all periods. From exploring concepts and theories on the financial accounting management according to modern science, it is found that there has been the use of good governance, strength model,        US Generally Accepted Accountin Principles, and US Regulation and Law. All of this will make the accounting process transparent, fact-revealing, examinable, and eventually provide the PARENT Model.

2) There has been an application of the Buddhist teachings, that is, Sucarita (3 types of good conduct) as follows: (1) Kāya-sucarita (good conduct in act or right action); (2) Vacī-sucarita (good conduct in word or right speech); and (3) Mano-sucarita (good conduct in thought or right view). These are the fundamental human principles that lead to peace in the society. These Buddhist peaceful means will support financial accounting management. This also includes having the right view, having goodwill, speaking the truth based on logic, being useful, helping one another, respecting one another's property rights, and maintaining one's own property.

3) The development leading to financial accounting management is based on the PARENT model, which consists of: (1) “P” stands for Participation, in which Monks and lay people participate in obtaining accounting information and suggesting communication channels by disclosing financial accounting reports as well as the Line group channel; (2) “A” stands for Accountability, in which there should be an appointment of committee/ responsible party in each section of the financial accounting process; (3) “R” stands for Regulations and Laws, in which the accounting of the temple should adhere to US Generally Accepted Accounting Principles and IRS criteria; (4) “E” stands for Efficiency, in which a time frame and a good accounting guideline should be established; (5) “N” stands for Knowledge, as accounting training and information exchange should be provided for related monks and lay people; (6) “T” stands for Transparency, there should be information disclosure based on reality that can be examined through communication channels. Accounting information can also be examined by the committee and others. This will result in honesty and proper financial accounting, which can be efficiently used as an example and accomplished in accordance with the goals. All of this will lead to the society's stability, sustainability, and peace.

รายการไฟล์