บทคัดย่อภาษาไทย

            วิทยานิพนธ์ เรื่องวิเคราะห์องค์คุณการเป็นอริยบุคคลในวัตถูปมสูตร มีวัตถุประสงค์

1) เพื่อศึกษาโครงสร้าง และสาระสำคัญในวัตถูปมสูตร 2) เพื่อศึกษาองค์คุณการบรรลุธรรมเป็นอริยบุคคลในวัตถูปมสูตร 3) เพื่อวิเคราะห์คุณค่าการเป็นอริยบุคคลในวัตถูปมสูตร เป็นงานวิจัยด้านเอกสาร (Documentary Research)    

            ผลการวิจัยพบว่า โครงสร้างวัตถูปมสูตร ปรากฏอยู่ในโครงสร้างพระไตรปิฎก เล่มที่ 12 สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ มูลปริยายวรรค ลำดับเรื่องที่ 7 ของวรรค สาระสำคัญคือ เทศนาธรรมของพระพุทธเจ้าตรัสโปรดเหล่าพระภิกษุพุทธสาวก ทรงยกอุปมาผ้าย้อมด้วยผ้าที่สะอาด และสกปรก เปรียบกับจิตมีอุปกิเลสเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาเป็นอริยบุคคล กับจิตที่รู้ชัดในอุปกิเลส 16 ชนิด แล้วเพียรละได้แล้ว ความเลื่อมใสแน่วแน่ในพระรัตนตรัย ถึงพร้อมด้วยศรัทธาด้วยจิตที่ตั้งมั่นสลัดกิเลสได้แล้วความรู้แจ้งอรรถ รู้แจ้งธรรม แยกแยะสิ่งใดคือศีล, ธรรม, ปัญญา ไม่เป็นอันตรายต่อมรรค ผล ดำรงอยู่ในพรหมวิหารธรรมแผ่ไปทั่วทุกทิศ เพียรจนจบพรหมจรรย์ อุปมาผู้อาบน้ำสะอาดแล้ว ด้วยการอาบน้ำภายใน หักล้างต่อความเชื่อการล้างบาปตามจารีตของ พราหมณ์สุนทริกภารทวาชะ  

            องค์คุณการบรรลุธรรมเป็นอริยบุคคลในวัตถูปมสูตร มีอุปกิเลสมี 16 ชนิดเป็นอุปสรรคในการบรรลุธรรมกิเลสที่จรมาด้วยอำนาจโลภะ โทสะ โมหะเกิดขึ้นทำจิตเดิมที่บริสุทธิ์ต้องเศร้าหมอง  องค์คุณเพื่อรู้ชัดดำเนินตามไตรสิกขา ศีล สมาธิ ปัญญา ศีลดำรงสัจจะในปริสุทธิศีล 4 ไม่ด่างพร้อย สมาธิ นำภาวนา 2 นำมาขัดเกลากิเลสภายในจิตใจในด้านปัญญาสติปัฏฐาน 4 ทำให้สติสัมปัญชัญญะ รู้ชัดต่ออุปกิเลสที่เข้ามา องค์คุณเพื่อทำให้จิตสลัดกิเลสออก องค์แห่งฌาน 5 กำหนดรวมจิตเป็นหนึ่ง จนเกิดฌาน อกุศลธรรมทั้งหลาย นิวรณ์ 5 สงบลง ฌาน 4 จิตตั้งหมั่นพร้อมใช้งาน ยกจิตทำให้แจ้งพโสดาปัตตมรรคจิตละอุปกิเลสได้ 6 อนาคามิมรรคจิตละอุปกิเลสได้ 4 อรหัตตมรรคจิตละอุปกิเลสได้ 6 ทำให้แจ้งอรหัตตผล เป็นการเสร็จสิ้นเสมือนเป็นการอาบน้ำพระศาสนา ด้วยการนำอุปกิเลสออกจากจิต แตกต่างจากอาบน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นความเชื่อที่ผิดการอาบน้ำนำบาปออกจากตนเองไม่ได้

            คุณค่าขององค์คุณการบรรลุธรรมเป็นอริยบุคคลในวัตถูปมสูตร พบว่า คุณค่าองค์คุณในการรู้ชัดอุปกิเลสในชีวิตปัจจุบัน คุณค่าองค์คุณในการรู้ชัดอุปกิเลสในชีวิตปัจจุบันของพระสงฆ์ วิเคราะห์คุณค่าองค์คุณการละอุปกิเลสในภาวนา 2 และคุณค่าตนเองเมื่อนำองค์คุณพัฒนาสู่อริยบุคคลในปัจจุบันจะทำให้บรรลุสู่นิพพานได้ 

บทคัดย่อภาษาอังกฤษ

            This thesis has three objectives; 1) to study the structure and essence of Vatthūpama Sutta, 2) to study the factor of virtue of Being Noble One in Vatthūpama Sutta, and 3) to analyze the value of Being Noble One in Vatthūpama Sutta. This study is documentary research.

             The study found that: The structure of Vatthūpama Sutta appeared in the Volume 12 of Suttanta Piṭaka, Majjhima-Nikāya, Mūlapaṇṇāsa, Mūlapariyāya-vagga, in the 7th story of vagga. The essence of Sutta is the Lord Buddha had preached this Sutta to His disciples by delivering a discourse on the simile of the clean and dirty cloth. It compared with the nature of mental defilements which is an obstacle to the development of being the Noble One, and the mind known clearly the sixteen mental defilements and effort to overcome. There is confidence in the Triple Gem, an accomplishment of confidence with a determined mind to overcome the defilements, knowing things as they really are essences, and the Dhammas, distinguishing what are morality, truth Dhamma, and wisdom which is not dangerous to the Path, dwelling oneself in the holy abiding to spread in all directions, and effort to be an Arahanta. It is the parable of the bather was cleaned with inside, it refuted a believer in ritual purity of Sundarika Bhāradvāja. 

             The factor of the virtue of being Noble One in Vatthūpama Sutta which consists of the listing of sixteen mental defilements that hinder the attainment, the defilements as greed, anger, and delusion arising to make the pure mind miserable. The factor of virtue will process the Threefold Training; morality, concentration, and wisdom. The morality was preserved by the truth in the four morality consisting of purity, concentration was cultivated by the two developments to train mental defilements, and wisdom was developed by the Four Foundation of Mindfulness, to have mindfulness knowing things as defilements. The defilements were gotten rid of the mind by the factor of virtue. The factor of five Jhāna had determined the mind as one-appointed until the absorption has arisen. The unwholesomeness such as the five hindrances was calmed down. The four Jhāna has settled down and put the mind clearly known, Sotāpattimagga has abandoned the six mental defilements, Anāgāmimagga has abandoned the four mental defilements, and Arahattamagga abandoned the six mental defilements, to make clearly known Arahattaphala. It is completed like the religious bathing by taking the defilements out of mind, it is different from the holy ritual bath which is a wrong belief, because bathing could not remove sin from one’s self. 

             The value of the virtue factor of enlightenment of being Noble One in Vatthūpama Sutta found that it is the value of the virtue factor for clear knowledge of the mental defilements in the present time, and knowing the mental defilements in the present life of monks. The analysis of the value of abandoning mental defilements in the two cultivations and the value of oneself was developed to be Noble Person in the present time and also achieved Nibbāna.

รายการไฟล์