บทคัดย่อภาษาไทย

           ดุษฎีนิพนธ์ฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์การวิจัย 1) เพื่อศึกษาบริบท สภาพปัญหา ความต้องการจำเป็นเกี่ยวกับการลดช่องว่างระหว่างวัยสำหรับผู้ประกอบการในธุรกิจครอบครัว 2) เพื่อศึกษาวิเคราะห์แนวคิด ทฤษฎีตามศาสตร์สมัยใหม่และหลักพุทธสันติวิธีที่เอื้อต่อการลดช่องว่างระหว่างวัยสำหรับผู้ประกอบการในธุรกิจครอบครัว 3) เพื่อพัฒนาและนำเสนอสันตินวัตกรรมการลดช่องว่างระหว่างวัยสำหรับผู้ประกอบการในธุรกิจครอบครัว ใช้วิธีการวิจัยเชิงผสมผสาน (Mixed Methods Research Design) ประกอบด้วย การเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึกจำนวนผู้ประกอบการ32คน สัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิ ในแขนงต่างๆ จำนวน 44 คน และสนทนากลุ่มเฉพาะผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 9 ท่าน แล้วสร้างหลีกสูตรการอบรมการสื่อสารเพื่อลดช่องว่างระหว่างวัยสำหรับผู้ประการธุรกิจครอบครัว  ส่วนการวิจัยเชิงเชิงปริมาณใช้การทดลองนำร่องแบบ  exploratory sequential design  และติดตามผลกับผู้ก่อตั้งหรือทายาทรุ่นก่อน และ ผู้สืบทอดและทายาทรุ่นหลัง จำนวน 16 ท่าน โดยใช้แบบประเมินผลก่อนและหลังการทดลอง  และสะท้อนความรู้สึกด้วยเทคนิค After Action Review ใช้สถิติวิเคราะห์เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยด้วยค่า t-test สรุปผลการวิจัย 

ผลการวิจัยพบว่า

1) ผู้ก่อตั้งและทายาทยังขาดการสื่อสารเพื่อถ่ายทอดจุดเริ่มต้นของธุรกิจ และความจำเป็นที่ต้องปรับเปลี่ยนวิธีการบริหารจัดการเพื่อให้ธุรกิจสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลง   ช่องว่างการสื่อสารระหว่างวัยเกิดจาก วัฒนธรรมการเลี้ยงดูและสภาพแวดล้อมที่เติบโตมาแตกต่างกัน ขาดการวางแผนและการวางข้อตกลงร่วมกันที่คำนึงถึงสมดุลของครอบครัวและธุรกิจ ซึ่งต้องแก้ไขด้วยวิธีการสื่อสารทั้งวจนะและอวัจนะภาษา ที่มีความรักเป็นรากฐานพร้อมความเข้าใจเอาใจใส่ความรู้สึกซึ่งกันและกัน และเปิดใจรับฟังความเห็นโดยไม่รีบตัดสิน และสื่อสารได้เหมาะกับเวลาและสถานการณ์

    2) แนวคิด ทฤษฎีตามศาสตร์สมัยใหม่และพุทธสันติวิธีการลดช่องว่างระหว่างวัยของผู้ประกอบการธุรกิจครอบครัว โดยใช้หลักพุทธสันติวิธีที่ประกอบด้วยหลักการใช้ชีวิตแบบ มีหลักสังคหวัตถุ 4 ซึ่งมีสติเป็นฐาน เพื่อให้ตระหนักถึงตนเองและผู้อื่น และส่งเสริมตนเองให้มี Growth Mindset ต่อการเปิดใจเรียนรู้ในสิ่งต่างๆ โดยการสื่อสารจะเชื่อมโยงกับหลักวาจาสุภาษิตที่ส่งเสริมให้การสื่อสารเป็นรูปแบบสันติเพื่อการอยู่ร่วมกันระหว่างสมาชิกภายในครอบครัว และหลักสาราณียธรรม 6 หลักการมีส่วนร่วมเพื่อสร้างเครือข่ายครอบครัวที่เข้มแข็ง โดยประยุกต์ร่วมกับหลักสันติวิธีที่สนับสนุนไม่ให้เกิดความขัดแย้งระหว่างกันและลดช่องว่างระหว่างวัย เพื่อให้เกิดการตระหนักรู้ที่ละเอียดอ่อนในตน หลักวาจาสุภาษิตเพื่อการสื่อสาร ที่เหมาะสม และเพื่อให้เกิดความรักสามัคคีและปรองดอง

    3) สันตินวัตกรรมการลดช่องว่างระหว่างวัยของผู้ประกอบการธุรกิจครอบครัว  เกิดจากการพัฒนาหลักสูตรอบรมสานสัมพันธ์คนสองวัยสู่การใส่ใจธุรกิจ  โดยออกแบบกิจกรรมการอบรมเชิงปฏิบัติการ 3 ครั้ง (รุ่นละ 2 ครั้ง) ใช้เวลารวม 12 ชั่วโมง โดยมีกระบวนการติดตามผลอีก 21 วัน เนื้อหาหลักสูตรประกอบด้วย 9 Modules มี 18 กิจกรรม คือ Module P: สันติจากภายในสู่ภายนอก. Module I: นวัตกรรมเพื่อการพัฒนา. Module C: บ่มเพาะหลากมิติการสื่อสาร. Module F: กระชับความสัมพันธ์ในครอบครัว. Module A: ทัศนคติแห่งการเติบโตได้. Module M: ธรรมะหรรษา. Module B: ศาสตร์แห่งการบริหารธุรกิจ. Module U: เข้าใจรู้ทันสถานการณ์. Module S: กลยุทธ์สู่ความสำเร็จและความยั่งยืน จากนั้นจึงเข้าสู่ 3 กระบวนการติดตาม และอีก 3 กิจกรรม ประกอบด้วย Follow MO: กลั่นความรู้สู่กระบวนการ. Follow DE: รวมกันเราอยู่. Follow L: นิยามความเป็นผู้นำ

    ผลการทดลองพบว่า กลุ่มผู้ประกอบการที่เข้าร่วมกิจกรรม มีพัฒนาการความสัมพันธ์ในผู้ประกอบการในธุรกิจครอบครัวหลังการทดลอง สูงกว่าก่อนการทดลอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ค่า t = 20.63

    องค์ความรู้จากการวิจัย เรียกว่า “PIC.FAM.BUS MoDeL” เก้าแนวคิดและสามกระบวนการติดตามเพื่อการสื่อสารเพื่อลดช่องว่างระหว่างวัยในผู้ประกอบกิจการครอบครัว

บทคัดย่อภาษาอังกฤษ

This dissertation aims to research the following objectives: 1) To study the context. problem situations. and necessary requirements related to the Peace innovation of communication methods to bridge the generational gap for entrepreneur in family business. 2) To analyze contemporary theories and principles of new-era science and the Buddhist approach that support the way to bridge the generational gap for entrepreneur in family business. 3) To develop and present innovative communication methods to bridge the generational gap for entrepreneur in family business. by using a Mixed Methods Research Design. The research includes an exploratory sequential design. qualitative data collection through in-depth interviews with 32 family business entrepreneurs. interviews with 44 qualified individuals from various fields. and discussions with a group of 9 experts. Quantitative methods involve pre and post-experiment assessments using an evaluation form and After Action Review technique. Statistical analysis conducted using t-test to compare mean values.

Research findings reveal:

1) Founders and Successors still lack of communication in transmitting the business's initial points and the need to adapt management methods for businesses to cope with changes. Communication gaps between successors and founders stem from differing caregiving cultures and growing environments. Planning and joint agreements considering family and business balance. relying on communication that reduces generational gaps with language emphasizing both wisdom and empathy. are crucial.

2) The application of new-era theories and Buddhist principles in creating Peace Innovation of Communication to Bridge the Generation Gap For Entrepreneur in Family Business. This includes embracing a Growth Mindset. peaceful communication for family and business equilibrium. and participatory principles for building a strong family network.

3) Peace Innovation of Communication to Bridge the Generation Gap For Entrepreneur in Family Business involves a training program that fosters relationships between generations. The program consists of 9 modules and 18 activities. covering various aspects such as Module P: Peace within Mind. Module I: Innovation Development. Module C: Communication Skills. Module F: Family Firm. Module A: Attitude Growth Mindset. Module M: Moral Motivation. Module B: Business Management. Module U: Understanding The Situation and Module: Success by Strategies.

Additionally. a follow-up process with three procedures and three activities. including Follow MO: Moderation of Knowledge. Follow DE: Definition in Coexist and Follow L: Leadership Destination. concludes the program. Experimental results indicate a significant statistical improvement in relationship development among participating family business entrepreneurs. with a t-value of 20.93 at a significance level of 0.05.

The research outcome named the "PIC.FAM.BUS Model." which stands for "Nine Concepts for Peace Innovation of Communication to Bridge the Generation Gap for Entrepreneur in Family Business"

รายการไฟล์