บทคัดย่อภาษาไทย

การวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาระดับการส่งเสริมศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน (2) เปรียบเทียบการส่งเสริมศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน โดยจำแนกตามสถานภาพส่วนบุคคลและ (3) ศึกษาปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะการส่งเสริมศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน ในเขตบางบอนของพระสงฆ์วัดนินสุขาราม กรุงเทพมหานคร ระเบียบวิธีวิจัยเป็นการวิจัยแบบผสานวิธี การวิจัยเชิงปริมาณ ใช้แบบสอบถาม เป็นเครื่องมือเก็บข้อมูลภาคสนาม จากนักศึกษาศูนย์การศึกษานอกระบบ ในเขตบางบอน ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย จำนวน 164 คน วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้โดยหาค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิจัยเชิงคุณภาพมีการวิเคราะห์เอกสาร เครื่องมือในการเก็บข้อมูลผู้ให้ข้อมูลสำคัญ จำนวน 9 รูปหรือคน และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยเทคนิคการวิเคราะห์เนื้อหาประกอบบริบท

ผลการวิจัยพบว่า

      1. ระดับการส่งเสริมศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน โดยภาพรวม อยู่ในระดับมาก  มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.13 เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ได้แก่ ส่งเสริมพัฒนาครูและบุคลากรเพื่อพัฒนาคุณภาพ อยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.19 ส่วนด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด ได้แก่ มุ่งเน้นการบริหารจัดการองค์กรให้มีประสิทธิภาพตามหลักธรรมมาภิบาล อยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.08

      2. ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นที่มีต่อการส่งเสริมศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน จำแนกตามเพศ อายุ ระดับการศึกษา และภูมิลำเนา พบว่าไม่แตกต่างกันทุกด้าน ซึ่งปฏิเสธสมมติฐานที่ตั้งไว้

3. ปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะ ต่อการส่งเสริมศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน พบว่า ภาคีเครือข่ายไม่ได้ให้ความร่วมมือในการเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาในด้านงบประมาณ และวัสดุอุปกรณ์ คณะกรรมการหรือผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องการจัดการเรียนการสอน ไม่สามารถพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาได้และการจัดหาหนังสือเรียน ไม่มีคุณภาพ ไม่คุ้มค่า และไม่ทั่วถึง เพียงพอผู้เรียนเมื่อจบหลักสูตร ไม่ได้นำความรู้ไปประกอบอาชีพหรือต่อยอดอาชีพเดิม และข้อเสนอแนะต่อการส่งเสริมศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน พบว่า ส่งเสริม สนับสนุนจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตเชิงรุกที่หลากหลายทันสมัยสร้างสรรค์ต่อเนือง และตอบสนองความต้องการของประชาชนและชุมชน มีการฝึกอาชีพ การส่งเสริมการเรียนรู้เสริมสร้างกระบวนการประชาธิปไตย จัดให้มีระบบการประสานงานเพื่อสนับสนุนให้ผู้เรียนสามารถเข้าถึงแหล่งทุนต่าง ๆ ปลูกฝังให้คนในชุมชนมีการใช้จ่ายอย่างประหยัด 

บทคัดย่อภาษาอังกฤษ

The purposes of this research were (1) to study the level of promotion of non-formal education centers, (2) to compare the promotion of non-formal education centers by classifying according to personal status, and (3) to study problems, obstacles, and suggestions for promotion of non-formal education centers in Bang Bon District of monks in Ninsukharam Temple, Bangkok. The study was the mixed method research between quantitative and qualitative research. In term of quantitative research, it used the questionnaire as the tool to collect the data in the field study from 164 high school students at the non-formal education center in Bang Bon District. The data were analyzed through frequency, percentage, mean, standard deviation (S.D.). In term of qualitative research, using the documentary analysis as the tool to collect the data from 9 key informants and analyzed the data through the content analysis technique.

The research results found that:

1. Level of promotion of non-formal education centers in overall, it was at a high level with an average of 4.13. When considering each aspect, it was found that the aspect with the highest average was promoting the development of teachers and personnel to develop quality at a high level with an average of 4.19. As for the aspect with the lowest average value was the focus on managing the organization to be efficient according to the principles of good governance at a high level with an average value of 4.08.

2. Comparative results of the opinion towards the promotion of non-formal education centers, classified by gender, age, education level, and hometown, found that they were not different in every aspect which rejected the set hypothesis.

3. Problems, obstacles, and suggestions for promotion of non-formal education centers found that network partners did not cooperate in participating in religious activities in terms of budget and materials, the committee or those involved had not continuously developed teaching and learning arrangements, unable to develop the quality and standards of education and the provision of textbooks was not of high quality, not worthwhile and not sufficiently comprehensive, students upon completion of the course did not apply their knowledge to their careers or extend their existing careers. As for the suggestions for promoting non-formal education centers found that there was a variety of modern and creative proactive support in organizing activities to promote lifelong learning, and responding to the needs of the people and communities, there was careers training, promoting learning, strengthening the democratic process, establishing a coordination system to support learners in accessing various sources of capital, cultivating people in the community to spend economically.

รายการไฟล์