บทคัดย่อภาษาไทย

การศึกษาวิจัยเรื่อง “การศึกษาเปรียบเทียบกฎหมายรัฐธรรมนูญและสถาบันการเมืองของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์กับราชอาณาจักรไทย” มีวัตถุประสงค์เพื่อ; 1) เพื่อศึกษาความหมาย ประเภท วัตถุประสงค์ของความหมายและองค์ประกอบของรัฐตลอดจนถึงความหมายของรัฐธรรมนูญและสถาบันการเมืองภายในรัฐ 2) เพื่อศึกษาวิวัฒนาการทางการเมือง การปกครอง ตลอดจนรัฐธรรมนูญและสถาบันทางการเมือง ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันของรัฐธรรมนูญและสถาบันการเมืองของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์และของราชอาณาจักรไทย 3) เพื่อวิเคราะห์เปรียบเทียบที่มา คุณสมบัติ อำนาจหน้าที่ วาระการดำรงตำแหน่งของสถาบันประมุข สถาบันรัฐบาล และสถาบันรัฐสภา ในรูปแบบการปกครองตามระบบประชาธิปไตยของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์กับของราชอาณาจักรไทย

ผลการวิจัยพบว่า ระบบการเมืองของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์เป็นรูปแบบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภาเช่นเดียวกับราชอาณาจักรไทย ศูนย์กลางอำนาจการปกครองของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์อยู่ที่รัฐบาลกลาง เป็นตัวแทนของประเทศในการดำเนินความสัมพันธ์กับประเทศอื่นๆ และมีหน้าที่ดูแลเรื่องสำคัญๆ เช่น การคลัง การป้องกันประเทศ ความมั่นคง เป็นต้น ขณะที่สภาท้องถิ่นจะทำหน้าที่นิติบัญญัติ รับนโยบายจากส่วนกลาง และรับเรื่องปัญหาและความต้องการของประชาชนในพื้นที่ รูปแบบการปกครองระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ พบว่า มีรูปแบบรัฐเดี่ยวเหมือนกัน แต่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์แบ่งเขตการปกครองเป็น 14 เขต/รัฐ คล้ายการแบ่งแบบสหพันธรัฐ แต่ทั้ง 14 เขต/รัฐ นั้นไม่มีอำนาจในการปกครองตนเองเหมือนกับสหพันธรัฐ มีเพียงอำนาจนิติบัญญัติที่ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญเท่านั้น ระบบการเมืองระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์เหมือนกันคือ ใช้ระบอบประชาธิปไตย ในระบบรัฐสภา โดยโครงสร้างการเมืองการปกครองแบ่งเป็น 3 ฝ่ายเหมือนกัน ประกอบด้วยฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายตุลาการ ข้อแตกต่างกันของระบบการเมือง คือ ราชอาณาจักรไทยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและมีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร ส่วนสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์มีประธานาธิบดีเป็นประมุขและหัวหน้าฝ่ายบริหาร องค์ประกอบฝ่ายนิติบัญญัติระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ พบว่า มีสมาชิกสภา 2 กลุ่มเหมือนกัน คือ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กับ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จะแตกต่างกันที่จำนวนสมาชิก ที่มา และระยะเวลาดำรงตำแหน่งของสมาชิก

ข้อเสนอแนะ ผู้วิจัยจึงมีข้อเสนอแนะดังนี้

            1) ให้ยกเลิกมาตรา 88 วรรคแรก ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ซึ่งบัญญัติว่า “ในการเลือกตั้งทั่วไป ให้พรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งแจ้งรายชื่อบุคคล ซึ่งพรรคการเมืองนั้นมีมติว่าจะเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่เกินสามรายชื่อต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งก่อนปิดการรับสมัครรับเลือกตั้ง และให้คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศรายชื่อบุคคลดังกล่าวให้ประชาชนทราบ และให้นําความในมาตรา 87 วรรคสอง มาใช้บังคับโดยอนุโลม” และวรรคสอง ซึ่งบัญญัติว่า “พรรคการเมืองจะไม่เสนอรายชื่อบุคคลตามวรรคหนึ่งก็ได้” ทั้งมาตรา

            2) ให้ยกเลิกมาตรา 89 วรรคแรก ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ซึ่งบัญญัติว่า “การเสนอชื่อบุคคลตามมาตรา 88 ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ (1) ต้องมีหนังสือยินยอมของบุคคลซึ่งได้รับการเสนอชื่อ โดยมีรายละเอียดตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกําหนด (2) ผู้ได้รับการเสนอชื่อต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามที่จะเป็นรัฐมนตรีตามมาตรา 160 และไม่เคยทําหนังสือยินยอมตาม (1) ให้พรรคการเมืองอื่นในการเลือกตั้งคราวนั้น” และวรรคสอง ซึ่งบัญญัติว่า “การเสนอชื่อบุคคลใดที่มิได้เป็นไปตามวรรคหนึ่ง ให้ถือว่าไม่มีการเสนอชื่อบุคคลนั้น” ทั้งมาตรา

            3) ให้ยกเลิกบทเฉพาะกาล มาตรา ๒๗๒ วรรคแรก ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ซึ่งบัญญัติว่า “ในระหว่างห้าปีแรกนับแต่วันที่มีรัฐสภาชุดแรกตามรัฐธรรมนูญนี้ การให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีให้ดำเนินการตามมาตรา 159 เว้นแต่ การพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา 159 วรรคหนึ่ง ให้กระทำในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา และ มติที่เห็นชอบการแต่งตั้งบุคคลใดให้เป็นนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 159 วรรคสาม ต้องมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา” และวรรคสอง ซึ่งบัญญัติว่า “ในระหว่างเวลาตามวรรคหนึ่ง หากมีกรณีที่ไม่อาจแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีจากผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 ไม่ว่าด้วยเหตุใด และสมาชิกของทั้งสองสภารวมกันจำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาเข้าชื่อเสนอต่อประธานรัฐสภา ขอให้รัฐสภามีมติยกเว้นเพื่อไม่ต้องเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีจากผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมือง แจ้งไว้ตามมาตรา 88 ในกรณีเช่นนั้น ให้ประธานรัฐสภาจัดให้มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาโดยพลัน และในกรณีที่รัฐสภามีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของ ทั้งสองสภาให้ยกเว้นได้ ให้ดําเนินการตามวรรคหนึ่งต่อไป โดยจะเสนอชื่อผู้อยู่ในบัญชีรายชื่อท่ีพรรคการเมือง แจ้งไว้ตามมาตรา ๘๘ หรือไม่ก็ได้” ทั้งมาตรา

บทคัดย่อภาษาอังกฤษ

The research entitled as “A Comparative Study of Constitutional Law and Political Institutions of the Republic of the Union of Myanmar and the Kingdom of Thailand” has the following objectives for : 1) studying the meaning, type, objective of meaning and factor of state including the meaning of the constitution and political institutions within the state, 2) studying the political evolution, government including constitution and domestical political institutions from the past up to the present of constitution and political institutions of the Republic of the Union of Myanmar and the Kingdom of Thailand, 3) analyzing the background, qualification, power and duty, the term of positioning of the head of the state, government institution and parliamentary institution in the form of government in the democratic system of the Republic of the Union of Myanmar and the Kingdom of Thailand.

The findings of the research, found that the political system of the Republic of the Union of Myanmar is the same democratic system as the Kingdom of Thailand. The center of power the Republic of the Union of Myanmar is at the central government as the representative of the state for making the relations with other countries and has the important duties such as the public finance, national defense, security etc. While the local parliament has the legislative power, receive the policy from the central government and accept the problems and the demand of local people. The form of government between the Republic of the Union of Myanmar and the Kingdom of Thailand found that it was the same form of the unitary state but the Republic of the Union of Myanmar is divided the government into 14 states as similar to the form of the federal state system but all 14 states do not have the power of self government as the same the federal state system that has only the legislative power must not be against the constitution. The form of political system between the Kingdom of Thailand and the Republic of the Union of Myanmar is the democratic system in the parliamentary system by having the same political structure of government is divided into three parts which consists of the executives, legislature, and judiciary. The difference of the political system is the Kingdom of Thailand has the King as the supreme head of state and has the Prime Minister as the leader of the executives but the Republic of the Union of Myanmar has the President as the supreme head of state and the leader of the executives. The factors of the Legislature between the Kingdom of Thailand and the Republic of the Union of Myanmar found that have the similar two groups of parliamentary members such as the members of House of Representatives and Senators but just different numbers, origin and the term or period of position of the parliamentary members.

The suggestions, a researcher has the following suggestions :

1. To abolish the article 88 of the first paragraph that mentions “the generalelection, let the political parties submit the name of candidate that the political parties have approved to the House of Parliament for considering the agreement to appoint the three Prime Minister candidates to the Committee of Election before closing the election application and let the Committee of Election declares the three persons as the Prime Minister candidates to the public and to use the Article 87 of the Second paragraph to be enforced temporarily or mutatis mutandis” and the second paragraph that mentions “Political Parties will not present the Prime Minister candidates according to the first paragraph” all Article.

2) To abolish Article 89 of the first paragraph that mentions “the Prime Minister candidates according to Article 88 must be along with rules as follows (1) must have the letter of consent of the persons who are the Prime Minister candidates by having the details according to the Committee of Election mentions. (2) The persons who are approved to be the Prime Minister candidates must have the proper qualification and not to be forbidden characteristic for being the Prime Minister according to Article 160 and never had the Letter of Consent (1) let the other political parties in that election time” and the second paragraph that mentions “to present the persons who did not be as the first paragraph that is considered that not present that persons” all Article.

The findings of the research, found that the political system of the Republic of the Union of Myanmar is the same democratic system as the Kingdom of Thailand. The center of power the Republic of the Union of Myanmar is at the central government as the representative of the state for making the relations with other countries and has the important duties such as the public finance, national defense, security etc. While the local parliament has the legislative power, receive the policy from the central government and accept the problems and the demand of local people. The form of government between the Republic of the Union of Myanmar and the Kingdom of Thailand found that it was the same form of the unitary state but the Republic of the Union of Myanmar is divided the government into 14 states as similar to the form of the federal state system but all 14 states do not have the power of self government as the same the federal state system that has only the legislative power must not be against the constitution. The form of political system between the Kingdom of Thailand and the Republic of the Union of Myanmar is the democratic system in the parliamentary system by having the same political structure of government is divided into three parts which consists of the executives, legislature, and judiciary. The difference of the political system is the Kingdom of Thailand has the King as the supreme head of state and has the Prime Minister as the leader of the executives but the Republic of the Union of Myanmar has the President as the supreme head of state and the leader of the executives. The factors of the Legislature between the Kingdom of Thailand and the Republic of the Union of Myanmar found that have the similar two groups of parliamentary members such as the members of House of Representatives and Senators but just different numbers, origin and the term or period of position of the parliamentary members.

The suggestions, a researcher has the following suggestions :

1. To abolish the article 88 of the first paragraph that mentions “the general

election, let the political parties submit the name of candidate that the political parties have approved to the House of Parliament for considering the agreement to appoint the three Prime Minister candidates to the Committee of Election before closing the election application and let the Committee of Election declares the three persons as the Prime Minister candidates to the public and to use the Article 87 of the Second paragraph to be enforced temporarily or mutatis mutandis” and the second paragraph that mentions “Political Parties will not present the Prime Minister candidates according to the first paragraph” all Article.

2) To abolish Article 89 of the first paragraph that mentions “the Prime Minister candidates according to Article 88 must be along with rules as follows (1) must have the letter of consent of the persons who are the Prime Minister candidates by having the details according to the Committee of Election mentions. (2) The persons who are approved to be the Prime Minister candidates must have the proper qualification and not to be forbidden characteristic for being the Prime Minister according to Article 160 and never had the Letter of Consent (1) let the other political parties in that election time” and the second paragraph that mentions “to present the persons who did not be as the first paragraph that is considered that not present that persons” all Article.

3) To abolish the Transitional Provisions Article 272 of the first paragraph mentions that “for the first five years from the first parliament according to this constitution to approve the proper person to be appointed as the Prime Minister according to the Article 159 of the third paragraph except to be considered for approval according to article 159 of the first paragraph that to be gathering of both parliaments and have the agreement on the proper person to be appointed as the Prime Minister according to the Article 159 of the third paragraph, must have the majority rule of all members of both parliaments” and the second paragraph that mentions “in between of time period according to the first paragraph, if it has the case that can not appoint the Prime Minister from the person of the list from political parties according to Article 88 in any reason and the members of both parliaments gather not less than half of members of all members present to the Chairman of Parliament for begging the parliament has the exception for no presenting the name of Prime Minister candidate from the list of political parties that Article 88 mentions that let the Chairman of Parliament set up the parliament meeting as soon as possible and in case of the parliament has the votes for approval less than two third of all members of both parliaments and then let both parliaments have the exception and to have the further process according to the first paragraph by will present the name of the Prime Minister candidate of political parties that have approved before according to Article 88 or not” all article. 

รายการไฟล์