บทคัดย่อภาษาไทย

การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้ คือ 1) เพื่อศึกษาระดับการมีส่วนร่วมทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยของประชาชนในอำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ 2) เพื่อเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยของประชาชนในอำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ โดยจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล และ 3) เพื่อนำเสนอการมีส่วนร่วมทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยตามแนวพระพุทธศาสนาของประชาชนในอำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ โดยการประยุกต์ตามหลักสาราณียธรรมโดยมีระเบียบวิธีวิจัยเป็นการวิจัยแบบผสานวิธี การวิจัยเชิงคุณภาพเก็บข้อมูลจากผู้ให้ข้อมูลที่สำคัญจำนวน 9 รูปหรือคน ด้วยวิธีการสัมภาษณ์เชิงลึก และการวิจัยเชิงปริมาณเก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถามจากกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 400 คน โดยเครื่องมือที่ใช้ คือ แบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ทดสอบสมมติฐานโดยการทดสอบค่าทีเทส ค่าเอฟเทส และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยการพรรณนาความ

ผลการวิจัยพบว่า

1. ระดับการมีส่วนร่วมทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยของประชาชนในอำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ โดยรวมอยู่ในระดับมาก (x̅=3.95) เมื่อจำแนกเป็นรายด้านดังต่อไปนี้ คือ

ด้านการออกเสียงเลือกตั้ง (x̅=4.09) ด้านการเปลี่ยนผู้ที่ดำรงตำแหน่งหน้าที่สำคัญของรัฐ (x̅=4.08) ด้านการออกเสียงประชามติ (x̅=3.91) ด้านการมีสิทธิ์เสนอร่างกฎหมาย (x̅=3.88) และด้านตัดสินปัญหาสำคัญเกี่ยวกับนโยบายของรัฐ (x̅=3.78) ตามลำดับ 2. ผลการเปรียบเทียบ พบว่า ประชาชนที่มีเพศต่างกันมีความคิดเห็นต่อการมีส่วนร่วมทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยของประชาชนในอำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ ไม่แตกต่างกัน จึงปฏิเสธสมมติฐานการวิจัย ส่วนประชาชนที่มีอายุ การศึกษา อาชีพ และรายได้ต่างกันมีความคิดเห็นต่อการมีส่วนร่วมทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยของประชาชนในอำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 จึงยอมรับสมมติฐานการวิจัย 3. ผลการนำเสนอการมีส่วนร่วมทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยตามแนวพระพุทธศาสนาของประชาชนในอำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ พบว่า 1) ด้านการออกเสียงเลือกตั้งตามหลักสาราณียธรรม ผู้นำทางการเมืองควรที่มีความรู้ความเข้าใจในภารกิจหน้าที่ของตนเองในการบริหารและการบริการแก่ประชาชน ควรมีความเสียสละเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน 2) ด้านการเปลี่ยนผู้ที่ดำรงตำแหน่งหน้าที่สำคัญของรัฐตามหลักสาราณียธรรม ผู้นำทางการเมืองควรมีกระบวนการทำงานที่เปิดเผยตรงไปตรงมาให้คำปรึกษาต่อประชาชน ควรมีอัธยาศัยที่ดีและอ่อนน้อมถ่อมตนไม่เหยียดหยามประชาชน 3) ด้านการออกเสียงประชามติตามหลักสาราณียธรรม ผู้นำทางการเมืองควรมีส่วนร่วมในการประชุมพิจารณาเรื่องต่างๆ ตั้งแต่ความต้องการปัจจัยสี่ ไปจนถึงความต้องการระดับสูงสุดของชีวิต 4) ด้านการมีสิทธิ์เสนอร่างกฎหมายตามหลักสาราณียธรรม ผู้นำทางการเมืองควรยึดมั่นและปฏิบัติตามกฎกติกาเพื่ออยู่ร่วมกันอย่างผาสุกของสังคม ควรมีความสุจริตและโปร่งใสเป็นหลักสำคัญ 5) ด้านตัดสินปัญหาสำคัญเกี่ยวกับนโยบายของรัฐตามหลักสาราณียธรรม ผู้นำทางการเมืองควรปรับความเห็นของประชาชนให้ไปในทิศทางเดียวกัน ควรมีความเห็นชอบร่วมกันตกลงกันได้ในหลักการสำคัญ ควรยึดถืออุดมคติหลักแห่งความดีงาม

บทคัดย่อภาษาอังกฤษ

The research has the following objectives: 1) to study the level of political participation in democracy of the people in Muang District, Chaiyaphum Province, 2) to compare the political participation in democracy of the people in Muang District, Chaiyaphum Province classified according to personal factors, 3) to present the political participation in democracy according to Buddhism of the people in Muang District, Chaiyaphum Province by applying the principles of Saraniyadhamma with the integrated research methodology. The qualitative research collected data from 9 key informants with in-depth interviews and the quantitative research collected data with the questionnaires from the 400 samples. The tools were the questionnaires and the interview formats. The data were analyzed by frequency, percentage, mean, standard deviation. Hypotheses were tested by t-test and F-test. The data were analyzed by description.

The research results found that

1. The level of the political participation of democracy of the people in Muang District, Chaiyaphum as a whole was high (x̅=3.95) when classified by aspect as follows: election voting (x̅=4.09) changing the holders of important government positions (x̅=4.08) referendum (x̅=3.91) the right to propose drafting laws (x̅=3.88) and deciding the important issues of the state policy (x̅= 3.78) respectively. 2. The results of comparing found that the people with different genders had no different opinions on the political participation in democracy among the people in Muang District, Chaiyaphum Province, therefore, the research hypothesis was reject While the people with different ages, education, occupations and incomes had different opinions on the political participation with statistical significance at the level: 0.05, so the research hypothesis was accepted. 3. The results of presentation of the political participation in democracy according to Buddhism of the people in Muang District, Chaiyaphum Province found that 1) As for election voting according to Saraniyadhamma, the political leaders should have knowledge and understanding in their own administrative functions and for public service they should be generous for public welfare. 2) As for changing to holders of the important government positions according to Saraniyadhamma, the political leaders should have open and fair work process and give advice to people. They should be polite, gentle and humble and not look down upon the people. 3) As for referendum voting according to Saraniyadhamma, the political leaders should participate to discuss the issues from four necessities for living to the essentials of life. 4) As for the right to submit law drafts according to Saraniyadhamma, the political leaders should adhere to and follow the rules in order to live together happily in society, be honesty and transparent. 5) As for judging important problems about the state policies according to Saraniyadhamma, the political leaders should adjust the people’s opinions in the same directions. They should agree on important principles and hold the core ideals of goodness.

รายการไฟล์