บทคัดย่อภาษาไทย

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์  3 ประการ ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาการใช้หลักไตรสิกขาในการพัฒนาคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายโรงเรียนท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี  2) เพื่อเปรียบเทียบการใช้หลักไตรสิกขาในการพัฒนาคุณลักษณะที่พึ่งประสงค์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายโรงเรียนท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี จำแนกตามข้อมูลทั่วไป และ 3) เพื่อศึกษาข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแนวทางส่งเสริมการใช้หลักไตรสิกขาในการพัฒนาคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายโรงเรียนท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ดำเนินการวิจัยโดยใช้วิธีวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) ประชากรได้แก่ นักเรียนโรงเรียนท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน 495 คน กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ตารางกำหนดขนาดตัวอย่างของ เคร็จซี่และมอร์แกน (R.V. Krejcie and D.W. Morgan) ได้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 217  คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเอง การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปเพื่อการวิจัยทางสังคมศาสตร์ สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) ค่าสถิติทดสอบที (t – test) ค่าสถิติทดสอบเอฟ (F – test) ถ้าพบความแตกต่าง จะทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยเป็นรายคู่โดยวิธีผลต่างนัยสำคัญน้อยที่สุดของ เซฟเฟ่ (Scheffe’s method) ด้วยวิธีการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One Way ANOVA)

ผลการวิจัยพบว่า:

1. การใช้หลักไตรสิกขาในการพัฒนาคุณลักษณะที่พึ่งประสงค์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายโรงเรียนท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี พบว่า โดยรวมทั้ง 3 ด้านมีค่าเฉลี่ย      อยู่ในระดับมาก (x̅ = 4.15) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านคุณลักษณะที่พึ่งประสงค์ด้านปัญญา มีค่าเฉลี่ยสูงสุด (x̅ = 4.28) รองลงมาคือ ด้านคุณลักษณะที่พึ่งประสงค์ด้านศีล (x̅ = 4.13)       ส่วนด้านคุณลักษณะที่พึ่งประสงค์ด้านสมาธิ มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด (x̅ = 4.05) เมื่อจำแนกตามเพศ ระดับชั้นเรียน อาชีพบิดามารดา และรายได้บิดามารดา พบว่า โดยรวม มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก

2. ผลการเปรียบเทียบการใช้หลักไตรสิกขาในการพัฒนาคุณลักษณะที่พึ่งประสงค์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายโรงเรียนท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี จำแนกตามข้อมูลทั่วไป พบว่า นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ที่มี เพศ ระดับชั้นเรียน อาชีพบิดามารดา และรายได้บิดามารดาต่างกัน มีการใช้หลักไตรสิกขาในการพัฒนาคุณลักษณะที่พึ่งประสงค์ ไม่แตกต่างกัน

               3. ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแนวทางส่งเสริมการใช้หลักไตรสิกขาในการพัฒนาคุณลักษณะที่พึ่งประสงค์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายโรงเรียนท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี พบว่า ครูและผู้ปกครองควรส่งเสริมให้นักเรียนมีความสามัคคี ปรองดอง ภูมิใจ เชิดชูในความเป็นไทย ซื่อสัตย์สุจริต สนับสนุนให้เป็นนักเรียนที่ประพฤติปฏิบัติชอบ ทั้งทางกาย วาจา และใจ ควรส่งเสริมให้นักเรียนได้ปฏิบัติตนตามหลักศาสนาที่ตนนับถืออย่างเคร่งครัด ควรส่งเสริมให้นักเรียนมีวินัย จะได้เป็นผู้ที่ปฏิบัติตนตามระเบียบ กฎเกณฑ์ และข้อบังคับของครอบครัว โรงเรียน ควรสนับสนุนนักเรียนที่เป็นผู้ใฝ่เรียนรู้ ให้เป็นนักเรียนที่มีความตั้งใจ เพียรพยายามในการเรียนและเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ แสวงหาความรู้จากแหล่งเรียนรู้ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียนอย่างสม่ำเสมอ ควรส่งเสริมให้นักเรียนเลือกใช้สื่ออย่างเหมาะสม และมีความเป็นอยู่อย่างพอเพียง รู้จักประมาณตน มีเหตุผล รอบคอบ ระมัดระวัง มีภูมิคุ้มกันชีวิตที่ดีและอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม อย่างมีความสุข

บทคัดย่อภาษาอังกฤษ

This research was aimed at three  objectives as following : 1)  to study on application of Tri-Sikkha  for development of purposive characters of high school students in Thachana school, Surat Thani province, 2) to compare the application of Tri-Sikkha for development of purposive characters of high school students in Thachana school, Surat Thani province in terms of general factors as differently,        3) to study the suggestions on guideline for application of Tri-Sikkha  for development of purposive characters of high school students in Thachana school, Surat Thani province. This is the quantitative research The population composed of students in Thachana school, Surat Thani province for 495 persons.  Sample size by Krejcie and Morgan’s table measurement, The samples were amount 217 persons. The instrument for data collection was questionnaire designed by researcher and experts, data analysis by package computer program in social science. The statistics were applied as follow;  percentage, arithmetic mean, standard deviation, t-test, F-test, Scheffe’s  method and one way ANOVA..

         The findings were as follows:

1) An application of Tri-Sikkha  for development of purposive characters of high school students in Thachana school, Surat Thani province found that by overview was at more level (x̅  = 4.15) for all aspects when considered in each aspect found that the aspect of wisdom was highest mean (x̅  = 4.28)  and followed up the aspect of precepts (x̅ = 4.13) and the aspect of meditation was the lowest mean  (x̅  = 4.05) when classified in terms of sex, class level, parents occupation and parents incomes found that by overview was at more level.

                2) The comparative result  on  application  of  Tri-Sikkha for development of purposive characters of high school students in Thachana school, Surat Thani province in terms of general factors i.e. sex, class level, parents occupation and parents incomes found that there were not different.

3) The suggestions on guideline for application of Tri-Sikkha for development of purposive characters of high school students in Thachana school, Surat Thani province found that teacher and student’s parent should promote student foe harmony, reconciliation, pride, national praise, honesty, do good on body, speech, and mind. There should promote student for own religious practice, disciplinary regarding in family , school. There should support students who are regarding in learning and activities participation in and out sources learning as regularly. There should support student for using media as properly and living as sufficiently, reasonable, carefulness, and can live with other as happily.  

รายการไฟล์