บทคัดย่อภาษาไทย

                  การวิจัยนี้ 1.เพื่อศึกษาระดับประสิทธิผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ด้านการศึกษาของเทศบาลตำบลทาทุ่งหลวง อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน 2.เพื่อเปรียบเทียบความคิดเห็นของของประชาชนเกี่ยวกับประสิทธิผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ด้านการศึกษาของเทศบาลตำบลทาทุ่งหลวง  โดยจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน 3.เพื่อนำเสนอแนวทางการเพิ่มประสิทธิผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ด้านการศึกษาตามหลักอิทธิบาทธรรมของเทศบาลตำบลทาทุ่งหลวง อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน กลุ่มตัวอย่างในงานวิจัย คือ ประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้งในเขตพื้นที่ของเทศบาลตำบลทาทุ่งหลวง อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน จำนวน 356 คน ดำเนินการวิจัยแบบผสานวิธี คือ การวิจัยเชิงปริมาณและการวิจัยเชิงคุณภาพ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที ค่าเอฟ และการสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้ให้ข้อมูลสำคัญ จำนวน 15 รูปหรือคน วิเคราะห์ข้อมูลเนื้อหาเชิงพรรณนาอ้างอิงคำพูดบุคคล

                  ผลการวิจัยพบว่า

                  1. ระดับประสิทธิผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ด้านการศึกษาของเทศบาลตำบลทาทุ่งหลวง อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (x̄ = 3.74)  เมื่อจำแนกเป็นรายด้านพบว่า ด้านการผลิต และ ด้านประสิทธิภาพ และ ด้านความพึงพอใจอยู่ในระดับมากรองลงมาคือด้านการปรับเปลี่ยนและ ด้านการพัฒนาอยู่ในระดับปานกลาง

                  2. ผลเปรียบเทียบความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับประสิทธิผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ด้านการศึกษาของเทศบาลตำบลทาทุ่งหลวง อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน โดยจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล พบว่าประชาชนที่มีเพศและการศึกษามีความคิดเห็นไม่แตกต่างกันจึงปฏิเสธสมมติฐานการวิจัย ประชาชนที่มีอายุและอาชีพมีความคิดเห็นแตกต่างกัน จึงยอมรับสมมติฐานการวิจัย อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05

                  3. แนวทางการเพิ่มประสิทธิผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ด้านการศึกษาตามหลักอิทธิบาทธรรมของเทศบาลตำบลทาทุ่งหลวง อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน โดยนำหลักอิทธิบาท 4 มาประยุกต์ใช้ในการเพิ่มประสิทธิผลพบว่า มีความเข้าใจในยุทธศาสตร์ด้านการศึกษา มีการศึกษาข้อมูลเชิงประจักษ์เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ มีเครือข่ายในการจัดการองค์ความรู้ มีการติดตามประเมินผล

บทคัดย่อภาษาอังกฤษ

                  This research aims 1) to study the effectiveness of the educational strategies implementation of Tha Thung Luang Sub-district Municipality, Mae Tha District, Lamphun Province, 2) to compare people’s opinions, classified by personal factors, on the effectiveness of the educational strategies implementation, and 3) to provide a guideline for enhancing the effectiveness of the educational strategy implementation based on the Iddhipadādhamma (the basic principles for success) of  Tha Thung Luang Sub-district Municipality. The sample group in this research was 356 people who had the right to vote in the Tha Thung Luang Sub-district municipality area, Mae Tha District, Lamphun Province. The statistics used in the analysis were frequency, percentage, mean, and standard deviation. T-test, F-value, and in-depth interviews with 15 key informants were descriptive analyses by referring to a person’s speech.

                    The results showed that

          1. The effectiveness level of the educational strategy implementation of Ta Thung Luang Sub-district Municipality, Mae Tha District, Lamphun Province was totally at a high level (x̄ = 3.74). Classified by each aspect, it was found that production, efficiency, and satisfaction were at the highest level, followed by the modification aspect, and the development aspect was at a moderate level respectively.

                    2. Comparative results of people’s opinion about the effectiveness of the educational strategies implementation of Tha Thung Luang Sub-district Municipality, classified by personal factors, showed that people with gender and education had no different opinions, so the research hypothesis was rejected, and that people with different ages and occupations have different opinions, therefore the research hypothesis was accepted with statistical significance at the 0.05 level.

                    3. Guidelines for enhancing the effectiveness of the educational strategies implementation based on the Iddhipadādhamma of Tha Thung Luang Sub-district Municipality, Mae Tha District, Lamphun Province, were found there were understanding of education strategies, studying in empirical data for effectiveness, and having a knowledge management network, as well as a following-up evaluation.

รายการไฟล์