บทคัดย่อภาษาไทย

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์คือ 1. เพื่อศึกษาระดับการตื่นตัวทางการเมืองของประชาชนในการไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งทั่วไปในอำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี 2. เพื่อเปรียบเทียบความคิดเห็นของประชาชนต่อการตื่นตัวทางการเมืองของประชาชนในการไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งทั่วไปในอำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี โดยจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล และ 3. เพื่อศึกษาปัญหาและแนวทางที่ส่งเสริมในการตื่นตัวทางการเมืองของประชาชนในการไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งทั่วไปในอำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี

การวิจัยเป็นแบบผสานวิธี ประกอบด้วยการวิจัยเชิงปริมาณ ใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.983 กลุ่มตัวอย่างคือ ประชาชนในอำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี จำนวน 397 คน  โดยสุ่มตัวอย่างจากประชากรทั้งหมด 55,587  คน จากสูตรของ (Taro Yamane)  ซึ่งใช้ระดับความคลาดเคลื่อน 0.05 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ทดสอบสมมติฐานโดยการทดสอบค่าที (t-test) และการทดสอบค่าเอฟ (F-test) ส่วนการวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสอบถามปลายเปิด วิเคราะห์โดยการพรรณนาแจกแจงความถี่ประกอบตาราง และวิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ ใช้การสัมภาษณ์เชิงลึกจากผู้ให้ข้อมูลสำคัญ จำนวน 8 รูปหรือคน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้เทคนิควิเคราะห์เนื้อหาเชิงพรรณนา

                        ผลการวิจัยพบว่า

1.ประชาชนมีความคิดเห็นต่อการตื่นตัวทางการเมืองในการไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งทั่วไปของประชาชนในอำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี โดยรวมอยู่ในระดับมาก (=3.41,
S.D.=0.41) เมื่อจำแนกเป็นรายด้านโดยเรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย ดังนี้ ด้านความศรัทธาระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย (=3.64, S.D.=0.54) อยู่ในระดับมาก ส่วนด้านจิตสำนึกในความยุติธรรม (=3.31, S.D.=0.58 ด้านสิทธิ์เสรีภาพ (=3.27, S.D.=0.69) อยู่ในระดับปานกลาง ตามลำดับ

                  2.  ประชาชนที่มีเพศ อายุ การศึกษา และอาชีพต่างกัน มีความคิดเห็นต่อการตื่นตัวทางการเมืองในการไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งทั่วไปของประชาชนในอำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี โดยรวมไม่แตกต่างกัน จึงไม่ยอมรับสมมติฐานการวิจัย

3.ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับปัญหาและแนวทางที่ส่งเสริมในการตื่นตัวทางการเมืองของประชาชนในการไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งทั่วไปในอำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี มีความสำคัญในแต่ละด้าน มีดังนี้คือ ด้านความศรัทธาระบอบประชาธิปไตยคือ  เชื่อว่า ประชาธิปไตยสามารถแก้ปัญหาของชาติได้ แม้จะวิกฤตขนาดไหนก็ตามที การจะให้ประชาชนมีศรัทธาต่อประชาธิปไตย ผู้นำและนักการเมืองก็ต้องมีความชอบธรรมในการปกครองด้วยด้านเสรีภาพ คือ สิทธิเสรีภาพ เป็นหัวใจสำคัญของระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย ผู้ดำรงตำแหน่งบริหารและข้าราชการประจำ ไม่ละเมิดสิทธิ์เสรีภาพของประชาชน เพราะถ้ามีการกระทำดังกล่าวก็เท่ากับละเมิดประชาธิปไตย ด้านจิตสำนึกในความยุติธรรม ประชาชนสร้างความสัมพันธ์ทางบวกในการแสดงความคิดเห็นร่วมกัน เป็นแบบอย่างที่ดีไม่ซื้อสิทธิ์ขายเสียง รณรงค์ให้ไปใช้สิทธิ์และเห็นความสำคัญในการไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง เพราะการซื้อสิทธิ์ขายเสียงเป็นการทุจริตไม่ประกอบด้วยคุณธรรมที่สร้างจิตใต้สำนึกในการตื่นตัวทางการเมือง

บทคัดย่อภาษาอังกฤษ

Objectives of this research were: 1. To study the levels of people’s political awareness of voting in general election at Samkhok District, Patumthani Province,administrative, 2. To compare the people’s opinions on the political awareness of voting in general election at   Samkhok District, Patumthani Province, classified by personal data and 3. To study problems, obstacles and method for promotion of people’s political awareness of voting in general election at Samkhok District, Patumthani Province,

Methodology was the mixed methods: The quantitative research used questionnaires with reliability value at 0.0983 to collect data from 397 samples, derived from 55,587 people at Samkhok District, Patum Thani Province, using Taro Yamane’s formula with statistically significant level at 0.05. Data were analyzed byfrequency, percentage, mean, standard deviation, t-test and F-test. The data from open ended questionnaires were analyzed by description with table of frequency. The qualitative research, data were collected from 8 key informants by in-depth-interviewing and analyzed data by descriptive interpretation.

Findings were as follows:

1.    The people had opinions on the people’s political awareness of voting in general election at Samkhok District, Patum Thani Province by overall at the highest levels  (  = 3.41, S.D. = 0.58).Classified by sides, from high to low, the findings were that the faith in democratic system was at  = 3.64, S.D. = 0.54,the consciousness in justice was at   = 3.31, S.D. = 0.58, the right and freedom was at  = 3.27, S.D. = 0.69, the middle level respectively.

2.    People with different sex, age, education and occupation, by overall, did not have different opinions on the people’s political awareness of voting in general election at Sam Khok District, Patum Thani Province, rejecting the set hypothesis.

3.    Recommendations for problems and obstacles of promotion of people’s political awareness of voting in general election at Samkhok District, Pathum Thani Province for each side were that the faith in democratic system with belief that democracy can solve all national problems, regardless how big the problems may be. In order for the people to have faith in democratic system, leaders and politicians must have the righteousness to govern. The aspect of the freedom; the right and freedom are the heart of democratic system. The persons who hold the administrative positions, government officers do not abuse or violate the people’s right and freedom. If doing so, it is the violation of democracy. The aspect of the consciousness of the justice; people created positive relationship in opinion expression, set the good examples, not to buy and sell votes, campaign for voting and see the importance of voting. Buying and selling votes are the corruption, not the righteous practice to create the consciences of political awareness.

รายการไฟล์