บทคัดย่อภาษาไทย

                  วิทยานิพนธ์เรื่องนี้ มีวัตถุประสงค์ 2 ประการ คือ 1) เพื่อศึกษาตำนานบทสวดขันธปริตตคาถาและความเชื่อในพระพุทธศาสนา 2) เพื่อศึกษาความเชื่อเรื่องการสวดขันธปริตตคาถาของพุทธศาสนิกชน ตำบลแคมป์สน อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ
โดยวิธีการศึกษาค้นคว้าข้อมูลจากคัมภีร์พระพุทธศาสนาเถรวาท อันได้แก่ พระไตรปิฎก อรรถกถา ฎีกาและคัมภีร์อื่น ๆ รวมทั้งเอกสารที่เกี่ยวข้อง และการใช้แบบสัมภาษณ์บุคคลสำคัญของกลุ่มเป้าหมายซึ่งผลการศึกษา มีดังนี้

                   จากการศึกษาพบว่า ประวัติความเป็นมาและตำนานความเชื่อของการสวดขันธปริตรนั้น มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้ว ซึ่งการสวดมนต์ในสมัยนั้น มีจุดมุ่งหมายที่สำคัญอยู่๒ ประการ คือ (1) การสวดมนต์เพื่อท่องจำพระสูตรต่างๆ จึงมีคำเรียกเดิมว่าสวดมนต์ หรือเจริญ
พระพุทธมนต์ ซึ่งเป็นการท่องจำหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าที่เป็นพระสูตร แบบมุขปาฐะ (2) การเจริญพระพุทธมนต์เพื่อขจัดปัดเป่า ป้องกันสิ่งที่ไม่ดี สิ่งอัปมงคล การต้านทาน คุ้มครอง รักษา และเพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคล ต่อมามีผู้นิยมนำพระพุทธพจน์มาเป็นพระพุทธมนต์ เพื่อต้านทานสิ่งไม่ดีทั้งหลาย พระพุทธมนต์จึงถูกเรียกว่าพระปริตร ซึ่งในพระปริตรนั้นจะมีขันธปริตตคาถารวมอยู่ด้วย โดยการสวดพระปริตรจะมีมูลเหตุที่แต่งต่างกันออกไป เช่น เมื่อภิกษุไปปฏิบัติธรรมถูกงูทำร้ายพระพุทธองค์ก็ทรงให้สวดขันธปริตร เป็นต้น หลังจากพุทธกาลไปแล้ว การสวดมนต์นี้จึงเริ่มที่ประเทศศรีลังกา โดยจัดเป็น 7 ตำนาน และ 12 ตำนาน เรียกว่า จุลปริตร และมหาราชปริตร สำหรับใช้สวดตามความเชื่อในพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาตามวาระและโอกาสของงานนั้นๆ จนมาถึงปัจจุบัน

                  ส่วนตำนานความเชื่อเกี่ยวกับขันธปริตรในทางพระพุทธศาสนานั้น เชื่อว่าขันธปริตตคาถาเป็นมนต์ป้องกันตัว กล่าวคือ เชื่อกันว่าเมื่อทำการสวดขันธปริตรแล้วแผ่เมตตาให้กับพญางู ทั้ง 4 ตระกูลรวมทั้งสัตว์ร้ายทั้งหลายแล้ว จะทำให้เกิดมีอานุภาพสามารถป้องกันให้รอดพ้นจากการกระทำอันตรายด้วยการขบกัดของพวกงูพิษต่างๆ ตลอดจนตะขาบ แมลงป่อง เป็นต้น และจากสัตว์ร้าย สัตว์ที่มีเขี้ยว มีงาทุกชนิดได้เป็นอย่างดี ทั้งยังสามารถป้องกันอันตรายจากยาพิษทั้งหลายได้ด้วยเช่นกัน

                  ความเชื่อในการสวดขันธปริตตคาถาของพุทธศาสนิกชน ตำบลแคมป์สน อำเภอเขาค้อจังหวัดเพชรบูรณ์นั้น จากการศึกษาพบว่า นอกจากจะมีความเชื่อในเรื่องอานุภาพของตำนานเกี่ยวกับขันธปริตรในทางพระพุทธศาสนาดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น ยังเชื่อว่าการสวดขันธปริตรนั้นเป็นมนต์ขลัง ศักดิ์สิทธิ์ นำมาซึ่งความสงบ ร่มเย็น คลายทุกข์ ความสวัสดีมีชัย ประสบแต่ความเป็นสิริมงคลยิ่งทุกประการ เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการเข้าสู่ธรรมในทางพระพุทธศาสนาได้ดีเป็นอย่างยิ่ง และนอกจากความเชื่อดังที่ได้กล่าวมาแล้วในเบื้องต้น ยังพบอีกว่า มีความเชื่อเกี่ยวกับการสวดขันธปริตรในแต่ละด้าน ซึ่งทำให้เห็นคุณค่าของการสวดขันธปริตร ดังนี้ คือ เชื่อกันว่าการสวดขันธปริตรจะทำให้เป็นผู้มีความเมตตากรุณาต่อมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย ทำให้อยู่กันอย่างมีความสุข ไม่เกิดความเดือดร้อนเป็นทุกข์ใจ ทำให้มีความเจริญรุ่งเรืองและประสบความสำเร็จในชีวิต เป็นเหตุให้นำมาซึ่งความสงบสุขทั้งตนเองและสังคมส่วนรวม ก่อให้เกิดความมีเสถียรภาพทางสังคมเป็นอย่างมาก ทั้งทำให้เกิดกัมมัฏฐานในพุทธานุสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสติ เพื่อการพัฒนาจิตในลำดับที่สูงขึ้นต่อไป เชื่อว่าจะช่วยทำให้พระสงฆ์และสาธุชนทั่วไป นำมาเป็นแบบอย่างในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา เพื่อให้บุคคลได้รู้และประพฤติปฏิบัติตามคำสอนที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ จากการศึกษาวิจัยเรื่องนี้ ทำให้พบว่า การสวดขันธปริตรมีประโยชน์อย่างมาก ดังนี้  1. จะทำให้มีความรู้สึกละอายแก่ใจและเกรงกลัวต่อการทำความชั่ว 2. การสวดขันธปริตรทำให้เกิดสมาธิได้ทางหนึ่ง และสามารถใช้สมาธินั้นเพื่อบำบัดเยียวยารักษาโรคหรือความเจ็บป่วยได้บางกรณี 3. ทำให้เป็นบุคคลที่มีจิตใจที่ดีต่อเพื่อนมนุษย์และสัตว์ และเป็นที่รักของเหล่ามนุษย์ เทวดา และสัตว์ทั้งหลาย 4. ทำให้เกิดกุศลจิตในการทำความดี 5. ทำให้จิตใจมีความสงบ อยู่ในศีลธรรม ไม่สร้างบาปอกุศลทั้งปวง

บทคัดย่อภาษาอังกฤษ

                  The thesis entitled “A Study of Beliefs in chanting Khandhaparitta  of Buddhists in Campson sub-district, Khao Kho district, Phetchabun Province” consisted of two objectives: 1) to study the chanting of the Khandhaparitta and beliefs in Buddhism, and 2) to study the beliefs in chanting Khandhaparitta of Buddhists in Campson sub-district, Khao Kho district, Phetchabun Province. The study was qualitative research with the data collected from the interview of important people and from Theravada Buddhist scriptures namely: the Tipiṭaka, Aṭṭhakathā (Commentaries), Ṭīkā (Sub-commentaries) and other related documents.

                  From the study, it was found as follows:

                  1) The history of chanting Khandhaparitta have existed since from the lifetime of the Buddha. There were two important purposes of chanting back then namely: 1) Chanting prayers or chanting the holy stanzas in order to memorize all the Suttas, namely, the teachings of the Buddha’s by pronouncing, 2) Chanting in order to ward off misfortunes or dangers and to provide protection from certain afflictions. Later on, there were many people who liked to take the word of the Buddha as the Buddhist mantra in order to prevent dangers, therefore the Buddhist mantra was called “Paritta”. Paritta chanting, however, had different causes such as when a Bhikkhu was out to practice the Dhamma and was attacked by a snake, the Buddha then told Bhikkhu to chant the Khandhaparitta, etc. After the Buddha’s lifetime, this chanting began in Sri Lanka with 7 Parittas called “7 legends” and “12 legends” or “Cullaparitta” and “Mahāparitta”, which were chanted according to the belief in Buddhist rituals depending on occasion.

                  2) In Buddhism, it is believed that the chanting of Khandhaparitta is for self-protection. It is believed that after chanting Khandhaparitta and give loving-kindness to the four tribes of snakes including other dangerous creatures, one will be safe from all dangers from the bite of all snakes, scorpions, centipedes, spiders, lizards, and rats, including all kinds of poisons.

                  3) From the study of beliefs in chanting Khandhaparitta of Buddhists in Campson sub-district, Khao Kho district, Phetchabun Province, it was found that aside from believing in the power of Khandhaparitta  as mentioned above, chanting Khandhaparitta is considered as the miraculous and sacred mantra that brings peace, serenity, less suffering and prosperity in all aspects. It is a good starting point for practicing the Dhamma in Buddhism. In addition to the beliefs mentioned above, there are also other benefits of chanting Khandhaparitta as follows: one will be more loving-kindness towards human beings and all animals leading to living together happily without any afflictions and being successful in life, causing social stability and peace to both oneself and society as a whole. It also gives rise to Kammaṭṭhāna in Buddhānussati (contemplation on the virtues of the Buddha), Dhammānussati (contemplation on the virtues of the Dhamma), and Sanghānussati (contemplation on the virtues of the Order) in order to develop the mind into a higher level. Moreover, chanting Khandhaparitta will help monks and people in general to propagate Buddhism for people to behave according to what the Buddha taught. Moreover, there are also other benefits as follows: 1) one will have moral shame and moral dread, 2) one will have concentration and that concentration can be used to heal certain diseases or illnesses, 3) one will have loving-kindness towards other human beings and animals and be loved back by them including all Devas, 4) one will have Kusalacitta (wholesome consciousness), and 5) one will be peaceful and moral without doing any bad deeds.

รายการไฟล์